SCCCรัตนรักษ์ใหญ่นโยบายคงเดิม
ปูนกลางงานบริหารไม่เปลี่ยนหลังโฮลซิมเฉือนหุ้นให้รัตนรักษ์ ตั้งเป้าปีนี้ยังโตกว่าตลาด
ปูนกลางงานบริหารไม่เปลี่ยนหลังโฮลซิมเฉือนหุ้นให้รัตนรักษ์ ตั้งเป้าปีนี้ยังโตกว่าตลาด
นายฟิลิป อาร์โต้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) แถลงว่า งานบริหารในบริษัทไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าทางกลุ่มโฮลซิมจะตัดขายหุ้น SCCC จำนวน 9.3% ให้กับกลุ่มรัตนรักษ์ เพราะยังคงถือหุ้นในสัดส่วน 27% และทางนายวีระพันธุ์ ทีปสุวรรณ ประธานกรรมการบริษัท ได้ยืนยันชัดเจนต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใน SCCC
สำหรับกรณีที่ว่าโฮลซิมจะมีการขายอีกหรือไม่นั้น คงไม่สามารถตอบแทนได้ แต่เหตุที่ขายก็เพราะมีความต้องการใช้เงินในสหรัฐและยุโรป
เป้าหมายธุรกิจของ SCCC ในปี 2556 ตั้งเป้าหมายว่ารายได้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 2.3 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะโตมากกว่าอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในปีนี้ ที่คาดว่าจะมีความต้องการโดยรวม 33.4 ล้านตัน โต 7% จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 31.2 ล้านตัน
ทั้งนี้ ประเมินว่าความต้องการปูนซีเมนต์มีโอกาสจะเติบโตในระดับสูง เนื่องจากประเทศมีแผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใช้เม็ดเงินมหาศาล ขณะที่ภาคเอกชนมีการขยายสังคมเมืองไปสู่หัวเมืองหลักมากขึ้น ทั้งสองส่วนนี้ส่งผลให้มีความต้องการใช้ปูนซีเมนต์อีกจำนวนมาก และเป็นตัวผลักดันให้ตลาดโดยรวมมีการขยายตัว
ในปี 2556 นี้ บริษัทมีแผนจะใช้เงินลงทุนมากกว่า 2,000 ล้านบาท โดยมีความต้องการใช้เงินลงทุนมากกว่าปกติ เนื่องจากมีแผนลงทุนในโครงการขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่องจำนวนมาก เช่น การซ่อมบำรุงเตา 1 จำนวน 1,450 ล้านบาท โครงการก่อสร้างโรงงานเพื่อผลิตปูนซีเมนต์ในอินโดนีเซีย 1,200 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศกัมพูชา เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,400 ล้านบาท คาดว่าน่าจะได้ผลการศึกษาภายในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ เหตุผลที่ทาง SCCC ให้ความสำคัญกับการไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะต้องการรักษาส่วนแบ่งการตลาดในฐานะเป็นผู้ส่งออกปูนซีเมนต์ไปยังพม่า ลาว กัมพูชา เป็นต้น และปูนซีเมนต์เป็นสินค้าที่มีน้ำหนัก ทำให้มีต้นทุนในการขนส่งสูง ดังนั้นการก่อสร้างโรงงานในตลาดสำคัญๆ อย่างเช่น กัมพูชา ซึ่งทาง SCCC มีส่วนแบ่งในสัดส่วนที่สูง จะเป็นแนวทางที่คุ้มค่ากว่าการส่งออกไปขาย
ผลการซื้อทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจผลิตภัณฑ์คอนกรีตมวลเบาจากบริษัท ซุปเปอร์บล๊อก (SUPER) นั้น มีสายการผลิต 2 สาย สร้างรายได้ประมาณ 500 ล้านบาท แต่คงต้องใช้เวลาในการเข้าไปปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต ซึ่งน่าจะทำให้ผลประกอบจากส่วนนี้ดีขึ้น
SCCC รายงานผลประกอบการไตรมาส 4ปี2555ที่ 756 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 199% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่ลดลง 5% จากไตรมาส3 ทำให้กำไรจากการดำเนินงานในปี 2555 อยู่ที่ 3,680ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์


