เซเว่นฯปักธงจีน-อาเซียนปี'57พร้อมสู้ร้านสะดวกซื้อไทยเดือด
นับวันธุรกิจร้านค้าปลีกขนาดเล็ก หรือ “ร้านค้าสะดวกซื้อ” จะยิ่งขยายตัวมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่เฉพาะในไทยเท่านั้น โมเดลธุรกิจนี้กำลังมาแรง โดยเฉพาะประเทศที่กำลังจะพัฒนา เพราะด้วยพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนแปลงไป ต้องการสินค้าที่สะดวกรวดเร็วขึ้น
นับวันธุรกิจร้านค้าปลีกขนาดเล็ก หรือ “ร้านค้าสะดวกซื้อ” จะยิ่งขยายตัวมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่เฉพาะในไทยเท่านั้น โมเดลธุรกิจนี้กำลังมาแรง โดยเฉพาะประเทศที่กำลังจะพัฒนา เพราะด้วยพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนแปลงไป ต้องการสินค้าที่สะดวกรวดเร็วขึ้น
จึงไม่แปลกหากยักษ์ใหญ่อย่าง “ซีพี” จะมองถึงการขยายธุรกิจไปอาเซียนเพื่อรองรับกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ปี 2558 หรือกระทั่งแผนปักหมุดในประเทศจีนที่มีจำนวนประชากรร่วม 1,200 ล้านคน
ปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ ผู้ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น เปิดเผยว่า แผนปีนี้บริษัทขยายตลาดต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียและอาเซียน โดยจะเข้าไปซื้อไลเซนส์เซเว่นฯ จากบริษัทแม่ในอเมริกา เพื่อเข้าไปดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ จำนวน 1 โซนในจีน ซึ่งมีประชากรร่วม 120 ล้านคนแล้ว
ปัจจัยที่เลือกลงทุนในจีน เพราะเป็นตลาดใหญ่มีจำนวนประชากร 1,200 ล้านคน จากปัจจุบันมีผู้ขอไลเซนส์เซเว่นฯ ในจีนแล้ว 4 เขต อาทิ ญี่ปุ่นได้เขตปักกิ่ง ไต้หวันได้เขตเซี่ยงไฮ้ ฯลฯ เหลืออีก 6 เขต ซึ่งบริษัทกำลังพิจารณา
ทั้งนี้ ศักยภาพที่จะเข้าไปทำธุรกิจร้านสะดวกซื้อในจีนยังมีการเติบโตอีกมาก โดยพบว่าร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ ในจีนมีจำนวน 1,881 สาขา ซึ่งยังน้อยมากเมื่อเทียบกับไทยเป็นอันดับ 3 ของโลกของการมี 6,822 สาขาในสิ้นปีที่ผ่านมา
สำหรับปีนี้คาดว่าการซื้อไลเซนส์ในจีนจะเจรจาจบ และปีหน้าเริ่มดำเนินจัดตั้งสำนักงาน ขยายสาขา คาดว่าใช้เวลา 3 ปี วางรากฐานธุรกิจในจีน
พร้อมกันนี้บริษัทเตรียมเจรจาซื้อไลเซนส์เซเว่นฯ ในอาเซียนต่อหลังจากเจรจาจากจีนจบลง โดยจะเข้าไปทำธุรกิจร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ 4 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มีจำนวนประชากร 600 ล้านคน ขณะที่นักท่องเที่ยวจะเพิ่มจาก 5.5 ล้านคน เป็น 8 ล้านคน ในปี 2558
สำหรับการเข้าไปทำธุรกิจในจีนและอาเซียน บริษัทต้องเข้าไปลงทุนสร้างโรงงานผลิตอาหารและศูนย์กระจายสินค้าเพื่อลดต้นทุนด้านการผลิต โดยเฉพาะค่าแรงทั้งหมด 5 ประเทศ ถูกกว่าค่าแรงงานไทยที่ปรับขึ้นเป็น 300 บาท
ในช่วง 35 ปีนี้ข้างหน้านี้ ธุรกิจร้านสะดวกซื้อต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง ทั้งจากผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศที่เริ่มเห็นโอกาสของธุรกิจ ซึ่งในระยะ 12 ปี การเข้าไปทำธุรกิจในตลาดประเทศอาจขาดทุน แต่ในช่วง 35 ปี บริษัทจะเติบโตก้าวกระโดด
แนวโน้มร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ ทั่วโลกจำนวน 48,097 สาขา ยังมีโอกาสโตอีกมาก โดยพบว่าญี่ปุ่นมีถึง 14,579 สาขา เป็นอันดับ 1 ของโลก ปัจจัยผลักดันให้ตลาดโตมาจากความเร่งรีบในชีวิตของคนเมืองที่เพิ่มขึ้น จึงต้องการความสะดวกสบายและสินค้าที่ตอบโจทย์ได้รวดเร็ว
ขณะที่ร้านสะดวกซื้อไทยปีที่ผ่านมาโต 23% จากทุกแบรนด์รวม 12,440 สาขา หรือเพิ่มสัดส่วนจาก 20.3% เป็น 21.9% ในปีที่ผ่านมา เทียบกับค้าปลีกขนาดเล็ก อาทิ ซูเปอร์มาร์เก็ต ในปี 2555 เพิ่มสัดส่วนจาก 24.7% เป็น 25.8% และดิสเคาต์สโตร์หดตัวจาก 55% เป็น 52.3%
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ผลักดันให้ร้านสะดวกซื้อเติบโตมาจากจำนวนประชากรเขตเมืองเพิ่มขึ้น 50% อีก 7 ปีข้างหน้า ซึ่งชีวิตคนเมืองมีความเร่งรีบและต้องการความสะดวกสบาย ปริมาณครัวเรือนเล็ก เฉลี่ย 3.2 คน ต้องการซื้ออาหารสำเร็จรูปและเครื่องดื่มสูงถึง 34%
นอกจากนี้ ยังมีผลจากนโยบายรถคันแรกทำให้มีปริมาณรถยนต์เพิ่มขึ้น โดยมีรถจดทะเบียน 30.5 ล้านคัน ทำให้คนเมืองมีพฤติกรรมซื้อสินค้าใกล้บ้านมากขึ้น จึงเป็นโอกาสร้านปลีกขนาดเล็กหรือร้านสะดวกซื้อเข้าถึงชุมชนมากขึ้น
ปิยะวัฒน์ กล่าวถึงแผนตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ ซึ่งมีส่วนแบ่ง 71% ว่า เพื่อรองรับกับการแข่งขันในประเทศ จากการที่เซ็นทรัลเตรียมบุกร้านสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ท มีอยู่ 765 สาขา หรือกระทั่งสหพัฒน์ซื้อไลเซนส์สะดวกซื้อลอร์สัน และจากการมีร้าน 108 ช็อป จำนวน 929 สาขา
ดังนั้น บริษัทจะมุ่งเน้นการสร้างความแตกต่าง โดยจับมือซัพพลายเออร์พัฒนาสินค้าเอกซ์คลูซีฟเฉพาะในร้านเซเว่นฯ เพื่อเลี่ยงการแข่งขันราคาที่จะทวีความรุนแรง พร้อมกับตอกย้ำความแข็งแกร่งการเป็นร้านสะดวกซื้ออิ่มสะดวก โดยเพิ่มสินค้ากลุ่มอาหาร 12% ต่อปี ซึ่งจะเน้นกลุ่มอาหารที่ตอบโจทย์ความต้องการคนรุ่นใหม่จากปัจจุบันสัดส่วนอาหาร 73%
แม้ว่าเซเว่นฯ จะต้องเผชิญกับการแข่งขันธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อในไทย แต่มั่นใจว่าเซเว่นฯ ตอกย้ำความเป็นผู้นำ และการมีผู้เล่นอย่างเซ็นทรัลหรือสหพัฒน์จะผลักดันให้ร้านสะดวกซื้อเติบโตขึ้น
การก้าวสู่ต่างประเทศถือว่าเป็นครั้งสำคัญของเซเว่นฯ ในฐานะยักษ์ใหญ่ ซึ่งมีสาขามากเป็นอันดับ 3 ของเซเว่นฯทั่วโลก งานนี้ใครปักหลักก่อนก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว โดยเฉพาะขุมทองแห่งใหม่ในตลาดอาเซียน


