ชาญกฤช เดชวิทักษ์ เอ็มดี "ทีเอส ฟลาวมิลล์"
“ชาญกฤช เดชวิทักษ์” วัยเกือบ 40 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท ทีเอส ฟลาวมิลล์ (TMILL) ผู้ผลิตแป้งสาลีบริษัทหลานของบริษัท น้ำตาลขอนแก่น (KSL) ที่กำลังจะเรียกชำระหุ้นเพิ่มทุนจาก 200 ล้านบาท เป็น 285 ล้านบาท เตรียมนำหุ้น 85 ล้านหุ้นขายผู้ถือหุ้นบริษัทแม่ ไทยชูการ์ เทอร์มิเนิ้ล วันที่ 913 พ.ย.นี้ และขายนักลงทุนทั่วไปวันที่ 1416 พ.ย.นี้ ก่อนที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 23 พ.ย.
“ชาญกฤช เดชวิทักษ์” วัยเกือบ 40 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท ทีเอส ฟลาวมิลล์ (TMILL) ผู้ผลิตแป้งสาลีบริษัทหลานของบริษัท น้ำตาลขอนแก่น (KSL) ที่กำลังจะเรียกชำระหุ้นเพิ่มทุนจาก 200 ล้านบาท เป็น 285 ล้านบาท เตรียมนำหุ้น 85 ล้านหุ้นขายผู้ถือหุ้นบริษัทแม่ ไทยชูการ์ เทอร์มิเนิ้ล วันที่ 913 พ.ย.นี้ และขายนักลงทุนทั่วไปวันที่ 1416 พ.ย.นี้ ก่อนที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 23 พ.ย.
เขาเป็นบุตรเขยของ “ประภาส ชุติมาวรพันธ์” ประธานกรรมการ บริหารบริษัท ไทยชูการ์ เทอร์มิเนิ้ล และน้องเขย “ชนะชัย ชุติมาวรพันธ์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท น้ำตาลขอนแก่น “ชาญกฤช” จบปริญญาเอกคณะบริหารธุรกิจ สาขาบริหารการเปลี่ยนแปลง รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ เริ่มงานแรกที่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ของ “เจริญ สิริวัฒนภักดี” เป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายส่งออกต่างประเทศ ทำได้ 1 ปี ออกไปอยู่บริษัท ไทยน๊อคซ์ บริษัทผลิตสเตนเลสของ “ประยุทธ มหากิจศิริ” เป็นผู้จัดการฝ่ายงานวิจัยและพัฒนา การตลาด ทำได้ 3 ปี ออกมาอยู่บริษัท ไทยชูการ์ กรุ๊ป เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
ต่อมาแต่งงานกับลูกสาว “ประภาส” จึงถูกดึงตัวเข้ามาเป็นกรรมการผู้จัดการ TMILL เมื่อต้นปี 2552 เรียกได้ว่าเติบโตพร้อมกับบริษัทนี้ก็ว่าได้เพราะอยู่ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของ TMILL
TMILL เกิดจากวิสัยทัศน์ของพ่อตาเขาที่ทุบโกดังเก่าทิ้งแล้วสร้างเป็นโรงงานผลิตแป้งสาลีเมื่อปี 2550
ระยะเวลาเพียง 5 ปี บริษัทนี้ที่มีกำลังการผลิตน้อยสุดในบรรดาบริษัทผลิตแป้งสาลีที่มีอยู่ทั้งหมด 10 แห่ง ครองส่วนแบ่งการตลาด 1 ใน 5 อันดับแรกของประเทศเทียบคู่แข่งที่อยู่ในตลาดมานานนับ 3050 ปี
เขาเล่าว่า ที่บริษัทเติบโตเร็วเพราะเน้นขยายกำลังการผลิตให้มากที่สุดเพื่อการประหยัดต่อขนาดเพราะเป็นบริษัทเกิดใหม่ และเน้นตลาดที่หลากหลายขายให้ผู้ใช้โดยตรงต่ออุตสาหกรรมต่างๆ รวม 910 อุตสาหกรรม
ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าทั่วประเทศ 200 ราย จากปี 2552 ที่มีลูกค้าเพียง 60 ราย และในจำนวนลูกค้าเหล่านี้ยังจะสามารถรับซื้อแป้งสาลีจาก TMILL ได้อีก เพราะปัจจุบันยังถูกจำกัดปริมาณซื้อ เพื่อการกระจายความเสี่ยง
“ชาญกฤช” หวังว่าการเข้า เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ที่ทำให้ TMILL เป็นโรงงานแป้งสาลีแห่งแรกในตลาดหุ้น เอ็ม เอ ไอ จะทำให้บริษัทเพิ่มกำลังการผลิตได้เท่าตัวภายในปี 2557 และผลงานโชว์เต็มที่ในปี 2558 ต้อนรับการมีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่จะทำให้กำลังการผลิตของบริษัทมีขนาดใหญ่อันดับ 3 ในบรรดาผู้ผลิตแป้งสาลี พร้อมกับส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 3 เช่นเดียวกัน
การเพิ่มกำลังการผลิตเท่าตัวนี้ครึ่งต่อครึ่งของเงินทุนจะมาจากการเพิ่มทุนครั้งนี้และที่เหลือมาจากเงินกู้
พร้อมกันนั้นบริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 20% จากปี 2554 ที่มีรายได้ 800 ล้านบาท ในอัตรากำไรสุทธิประมาณ 1015%
ครึ่งแรกปีนี้บริษัทมีรายได้แล้ว 525 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิ 54 ล้านบาท ครึ่งปีหลังคาดว่าจะไปถึงที่หมายที่ตั้งไว้
บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลสูงไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิกรณีไม่ต้องนำเงินไปลงทุน ปัจจุบันบริษัทมีกำไรสะสม 50 ล้านบาท
ชายคนนี้เพิ่งแต่งงานได้ 3 ปียังไม่มีบุตร ภรรยาบริหารกิจการของครอบครัวคือ โรงแรมบางกอกบูติค ถนนอโศก
ยามว่างเสาร์อาทิตย์เขาชอบอยู่บ้านดูทีวี ชวนภรรยาออกไปหาอาหารอร่อยรับประทานนอกบ้านและช็อปปิ้งบ้าง
ชีวิตค่อนข้างเรียบง่าย ภายใต้ฐานะและหน้าที่การงานที่มั่นคงแล้ว


