อุตฯต่อเรือรับสภาพศก.โลกซึมรายได้หด
เศรษฐกิจโลกทรุดฉุดอุตฯ ต่อเรือและซ่อมเรือปีนี้ติดลบ 20% เหตุลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายหันซื้อเรือยอชต์มือสองแทนสั่งต่อใหม่
เศรษฐกิจโลกทรุดฉุดอุตฯ ต่อเรือและซ่อมเรือปีนี้ติดลบ 20% เหตุลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายหันซื้อเรือยอชต์มือสองแทนสั่งต่อใหม่
นายวิรัตน์ ชนะสิทธิ์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือปีนี้แนวโน้มไม่สดใสนัก คาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว 20% ที่มีมูลค่าการเติบโตอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ เพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งทางทะเลประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมเรือเก่า รวมทั้งยังมีลูกค้าบางส่วนที่ยกเลิกการจ้างต่อเรือยอชต์ใหม่แล้วหันไปนำเข้าเรือยอชต์มือสองที่มีราคาถูกกว่า 80% เนื่องจากภาษีนำเข้าเป็น 0%
อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือได้ปรับตัวด้วยการหันมามุ่งขยายตลาดในประเทศมากขึ้นเพื่อทดแทน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมต่อเรือที่ยังไม่จริงจัง เพราะหากมีการยกระดับการขนส่งทางน้ำมากขึ้น เชื่อว่าจะช่วยดึงภาพรวมอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือปี 2556 ให้กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น
“เรื่องการขนส่งทางน้ำเริ่มมีการพูดคุยกันเยอะขึ้น เพราะการขนส่งทางบกมีปัญหาเรื่องราคาน้ำมันแพงและขาดแคลนคนขับรถบรรทุก ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วการขนส่งทางเรือมีต้นทุนถูกกว่า เพราะเรือลำหนึ่งสามารถขนส่งได้ 2,000 ตัน ขณะที่รถบรรทุกขนส่งได้แค่เที่ยวละ 1020 ตันเท่านั้น” นายวิรัตน์ กล่าว
นอกจากนี้ การประกาศให้เรือขนส่งน้ำมันต้องมีเปลือกเรือ 2 ชั้น เพื่อป้องกันปัญหาการรั่วไหลของน้ำมันและสารเคมีเวลาเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งปัจจุบันมีเรือขนส่งน้ำมันเก่าที่มีอายุการใช้งานนานหลาย 10 ปี อยู่ประมาณ 200 ลำ ที่ต้องเปลี่ยนใหม่ ก็น่าจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ
กรณีหากรัฐบาลมีการยกระดับการขนส่งทางน้ำให้มีมาตรฐาน เช่น การแก้กฎระเบียบท่าเรือและศุลกากรที่เป็นอุปสรรค ก็เชื่อว่าจะมีคนใช้บริการขนส่งทางเรือดีขึ้น


