TANONI ประโยชน์ใหม่จากลูกตาล
เมื่อเอ่ยถึง “ตาลโตนด” หลายๆ คนคงคิดถึง จ.เพชรบุรี แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า จริงๆ แล้ว จ.สงขลา ก็มีต้นตาลโตนดเช่นกัน โดยเฉพาะบนคาบสมุทรสทิงพระ จ.สงขลา ที่มีต้นตาลโตนดมากกว่า 3 ล้านต้น ถือว่ามากที่สุดในประเทศไทย
เมื่อเอ่ยถึง “ตาลโตนด” หลายๆ คนคงคิดถึง จ.เพชรบุรี แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า จริงๆ แล้ว จ.สงขลา ก็มีต้นตาลโตนดเช่นกัน โดยเฉพาะบนคาบสมุทรสทิงพระ จ.สงขลา ที่มีต้นตาลโตนดมากกว่า 3 ล้านต้น ถือว่ามากที่สุดในประเทศไทย
ตาลโตนด เป็นพืชสารพัดประโยชน์อย่างหนึ่งที่อยู่เคียงคู่กับวิถีชีวิตการเกษตรของคนไทยตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน และก็มีการนำส่วนต่างๆ ของต้นตาลโตนดมาใช้ประโยชน์อย่างหลากหลาย ตามภูมิปัญญาชาวบ้านในพื้นที่ จนผลิตภัณฑ์แปรรูปจากตาลโตนดกลายเป็นสินค้าส่งออกเลื่องชื่อของ อ.สทิงพระ จ.สงขลา
บ่อยครั้งที่ผลิตภัณฑ์วัตถุดิบประเภทของกิน ของใช้ จากท้องถิ่น หรือชุมชน ถูกประยุกต์ด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ก่อนแปลงโฉมให้กลายเป็นสินค้ามีชื่อเสียงโด่งดังระดับภูมิภาค ระดับประเทศ หรือกลายเป็นสินค้าส่งออกไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศ นำรายได้มาสู่ชาวบ้านนับไม่ถ้วน
ล่าสุด ก็มีการพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ ซอส และครีมลูกตาล TANONI โดยมี สุวิณัย หนูยัง เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว กลายเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากผลผลิตทางการเกษตร จนได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามในหมู่คนรักสุขภาพ โดยเฉพาะคุณสมบัติเฉพาะตัวของสินค้าจากภูมิปัญญาชนิดนี้ที่มีเอนไซม์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบการย่อยอาหาร
จุดเริ่มต้นการทำซอสและครีมลูกตาลนั้น เกิดจากความช่างสังเกต ประกอบกับความใฝ่รู้และมุ่งมั่นในการใช้ประโยชน์จากตาลโตนด ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่มีอยู่มากในพื้นที่ ที่สำคัญต้องแปลกใหม่ไม่ซ้ำแบบใคร เลยไปค้นดูว่าลูกตาลโตนดมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ก็พบว่ามีทั้งสารเบตาแคโรทีน โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส เลยนำมาพัฒนาแปรรูป ต่อมาทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ก็มาร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ จนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
สุวิณัย เล่าต่อว่า ตอนแรกก็ทดลองทำเพื่อใช้เอง นำลูกตาลสุกมาปอกเปลือก จนเหลือเนื้อใยสีเหลือง ก็นวดกับน้ำจนออกมาเป็นครีม หมักไว้ในโอ่งหรือโถแก้ว 150 วัน จะได้ผลผลิตทีเดียว 3 ส่วน ส่วนที่ 1 คือ วุ้นแผ่นสีขาว เรียกว่า แม่น้ำส้ม จะใช้ทำเป็นแยม ส่วนที่ 2 เป็นน้ำสีเหลืองรสเปรี้ยว ทำน้ำส้มสายชู ส่วนที่ 3 น้ำข้นสีเหลือง มีลักษณะเป็นเนื้อครีมซอส รสเปรี้ยว สามารถใช้แทนน้ำสลัดได้ และขยายต่อให้เพื่อนบ้านทดลองชิมก็พบว่ามีรสชาติถูกปาก แถมยังเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะทำจากธรรมชาติ
จากนั้นจึงได้มีการลงทุนตั้งโรงงานผลิตเชิงพาณิชย์ โดยได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ใช้เงินลงทุนก้อนแรก 1.3 ล้านบาท กำลังผลิตในช่วงปีแรกๆ อยู่ที่ 30 ตัน/ปี ก่อนจะขยายเพิ่มเป็น 60 ตัน/ปีในปัจจุบัน สามารถคืนทุนได้ภายใน 2 ปี
ปัจจุบันก็มีการขยายผลิตภัณฑ์เพิ่มเป็น 5 ชนิด คือ เนื้อครีมลูกตาล ซอสลูกตาล เครื่องดื่มไซเดอร์ ดริงก์ จะมีวุ้นลูกตาลผสมด้วย (ลักษณะคล้ายกับรังนก) น้ำส้มสายชูหมัก และแยมวุ้นลูกตาล
ชื่อแบรนด์สินค้าที่ใช้ว่า TANONI มาจากคำว่า ตาโหนดนิ เป็นสำเนียงของคนสงขลานั่นเอง ได้ทั้งความทันสมัย เป็นสากล และยังบ่งบอกถึงที่มาของผลิตภัณฑ์ว่ามาจากภาคใต้ด้วย
ขณะที่คู่แข่งของผลิตภัณฑ์ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครนำลูกตาลโตนดมาทำ จึงยังมีช่องว่างให้โตได้อีกมาก แต่ด้วยความที่เกษตรกรทำกันเองจึงทำให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังไม่สามารถทำการตลาดถึงขั้นออกวางขายตามห้างสรรพสินค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำได้ มีเพียงวางขายตามร้านสุขภาพในพื้นที่ภาคใต้ เช่น ร้านครัวเพื่อสุขภาพ ร้านเฮลท์แคร์ และอาศัยการไปออกร้านตามหน่วยงานต่างๆ
ในอนาคตมีโอกาสที่จะขยายตลาดไปต่างประเทศได้อีกด้วย เพราะปัจจุบันมีลูกค้าต่างชาติ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และไต้หวัน ที่สนใจซื้อไปทดลองใช้ แล้วติดใจกลับมาสั่งซื้อเพิ่มอีกหลายรายแล้ว
หากสนใจอยากลองชิมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 089-733-5203


