เลี้ยงปลาทับทิมบนบ่อดินแบบโปรโอติกส์ คุ้มน่าลงทุน
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อละครับว่า วันนี้ผมจะพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับฟาร์มเลี้ยงปลาทับทิมฟาร์มหนึ่ง ซึ่งน่าสนใจอย่างมาก อ๊ะอ๊ะ...ท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งทำหน้ายี้นะครับว่า จะมาแนะนำอะไรกันกับฟาร์มเลี้ยงปลาทับทิม ไม่มีอะไรไปทำแล้วเหรอ
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อละครับว่า วันนี้ผมจะพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับฟาร์มเลี้ยงปลาทับทิมฟาร์มหนึ่ง ซึ่งน่าสนใจอย่างมาก อ๊ะอ๊ะ...ท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งทำหน้ายี้นะครับว่า จะมาแนะนำอะไรกันกับฟาร์มเลี้ยงปลาทับทิม ไม่มีอะไรไปทำแล้วเหรอ
ก็ต้องบอกว่าใจเย็นๆ ก่อนครับ เพราะในสัปดาห์นี้ ที่ผมจะพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับฟาร์มเลี้ยงปลาทับทิมที่มีระบบวิธีการเลี้ยงที่แตกต่างจากการเลี้ยงปลาทับทิมที่อื่น แถมยังได้ผลผลิตคือเจ้าปลาทับทิมเกรดพรีเมียม ตัวโตเบ้อเริ่ม ราคาขายหน้าฟาร์มก็กิโลกรัมละ 79 บาทเข้าไปแล้วครับ แถมมีเท่าไหร่ขายหมดอีกด้วย ที่สำคัญไม่ได้แค่ตัวใหญ่อย่างเดียว แต่ยังเป็นปลาที่ปลอดจากสารเคมีในการเลี้ยงอีกด้วย
ยังไม่หมดแค่นั้นนะครับ เพราะในบ่อปลาทับทิมที่เลี้ยงอยู่ยังสามารถเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ผสมผสานไว้ขายเป็นรายได้เสริมได้อีกด้วย ยอดเยี่ยมมั้ยครับ
และฟาร์มเลี้ยงปลาทับทิมที่ผมจะพาท่านผู้อ่านได้รู้จักก็คือ ฟาร์มปลาทับทิมของภูมิพัฒน์ฟาร์ม ซึ่งอยู่ที่ จ.นครนายก ครับ โดยฟาร์มปลาทับทิมของที่นี่ใช้ระบบการเลี้ยงของเครือเจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือที่เรารู้จักกันในนามของซีพีเอฟนั่นแหละครับ ทำให้มีวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้อง ได้ผลผลิตดีอย่างมาก
ฟาร์มปลาทับทิมของภูมิพัฒน์ฟาร์มนั้น เป็นการเลี้ยงในบ่อดินครับ มีการขุดบ่อทั้งบ่อเลี้ยงปลา บ่อพักน้ำ และบ่อบำบัดน้ำเสีย เพื่อให้เกิดการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วย ไม่ใช่เป็นการเลี้ยงในกระชังตามแหล่งน้ำธรรมชาตินะครับ แต่ที่นี่เขาขุดบ่อแล้วเลี้ยงปลาในกระชังที่อยู่ในบ่ออีกต่อหนึ่ง เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมและดูแลรักษา
ส่วนจะคุ้มหรือไม่คุ้มก็ต้องไปถามคุณภุชงค์ เตชะมาถาวร เจ้าของฟาร์มปลาทับทิมภูมิพัฒน์ฟาร์มกันเลยดีกว่าครับ ว่าการเลี้ยงปลาในบ่อดินแบบโปรไบโอติกส์ ฟาร์มมิง นั้นเป็นอย่างไร
“ที่ภูมิพัฒน์ฟาร์มนั้นเลี้ยงปลาทับทิมในบ่อดิน เพราะมองแล้วคุ้มมาก ต่างจากการเลี้ยงปลาในกระชังในแหล่งน้ำธรรมชาติมาก เพราะการเลี้ยงปลาในแหล่งน้ำธรรมชาตินั้นมีความเสี่ยงสูงจากสภาพของน้ำที่เราไม่สามารถควบคุมได้ หากน้ำเสียไหลลงมานั่นหมายความว่าการเลี้ยงปลาต้องเสียหายแน่นอน รวมถึงขนาดของปลาที่เลี้ยงในกระชังจะเล็กกว่าเลี้ยงในบ่อดิน”
นอกจากนี้ การเลี้ยงปลาในบ่อดินยังทำให้สามารถควบคุมการเลี้ยงได้อย่างมีคุณภาพ เพราะที่ฟาร์มจะไม่ใช้สารเคมีเลย การเลี้ยงในบ่อดินนั้นจำเป็นต้องลงทุนในช่วงแรกเยอะกว่าการเลี้ยงในกระชังแบบธรรมชาติ เพราะต้องมีระบบการจัดการน้ำที่ได้มาตรฐาน ทั้งบ่อพักน้ำ บ่อบำบัดน้ำเสีย ขณะที่ในบ่อเลี้ยงก็จะใช้จุลินทรีย์ในการควบคุมคุณภาพของน้ำ ส่งผลให้สภาพของน้ำนั้นดีและไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อม
ประกอบกับวิธีการเลี้ยงแบบโปรไบโอติกส์ที่ใช้จุลินทรีย์ในการเลี้ยง ยิ่งทำให้ปลาที่เลี้ยงด้วยวิธีการนี้โตเร็ว แข็งแรง มีขนาดตั้งแต่ 9 ขีดขึ้นไปถึงตัวละ 1 กิโลกรัม นอกจากขนาดได้แล้ว เรายังได้ปลาที่มีคุณภาพในแบบปลอดสารพิษด้วย ทำให้เรากล้าพูดว่าเป็นปลาทับทิมตลาดพรีเมียม
ที่สำคัญ ทางภูมิพัฒน์ฟาร์มสามารถสร้างแบรนด์ปลาทับทิมชื่อภูมิพัฒน์ฟาร์มได้อีกด้วย เพราะลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าปลาที่ได้จากฟาร์มของเรานั้นเป็นปลาที่ผ่านการเลี้ยงที่ได้มาตรฐานและไม่มีสารตกค้างในตัวปลา ทำให้มูลค่าปลาของภูมิพัฒน์ฟาร์มสูงขึ้นตามไปด้วย
“ฟาร์มของเรามีทั้งหมด 3 ฟาร์ม มีเลี้ยงปลาอยู่ 296 กระชัง ในเนื้อที่ 300 ไร่ ซึ่งต้องยอมรับว่าการลงทุนสูงในช่วงต้น แต่ระยะยาวคุ้มแน่ เพราะในเมื่อเราคุมคุณภาพปลาได้ ราคาก็ดี ต้นทุนในการดูแลแต่ละเดือนน้อย ความสูญเสียในการเลี้ยงไม่ถึง 3% และยังสามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองได้อีกด้วย”
นอกจากนี้ ยังมีการปล่อยกุ้งลงไปเสริมในบ่อด้วย โดยปล่อยลงไปแบบอิสระครับ ไม่ได้เลี้ยงในกระชัง เพื่อให้กุ้งไปเก็บอาหารที่เหลือกิน ซึ่งก็ทำให้น้ำสะอาดไปในตัวด้วย
อ่านแล้วก็ยังไม่เห็นภาพนะครับ ว่าการเลี้ยงแบบนี้ให้ผลตอบแทนขนาดไหน คุณภุชงค์ บอกว่า สามารถจับปลาขายได้ทุกเดือน เดือนละ 90 ตัน เวลาการเลี้ยงก็รอบละ 3 เดือนครับ โดยในบ่อแต่ละบ่อนั้นจะมีกระชังอยู่หลายกระชังครับ ขึ้นอยู่กับขนาดของบ่อ แต่ไม่แออัด เพื่อคุมคุณภาพของน้ำ และแต่ละกระชังจะเลี้ยงปลาอายุไม่เท่ากัน เพื่อที่จะได้ทยอยจับปลาสลับกันไป ถือเป็นการใช้ทรัพยากรบ่ออย่างมีประสิทธิภาพ
ยังไม่หมดแค่นั้น เจ้ากุ้งก้ามกรามที่ปล่อยเสริมลงไปนั้น ก็สามารถจับขายได้อีกเดือนละ 2 ตัน อุแม่...เจ้า ลองคำนวณกันดูครับ คุ้มหรือเปล่า
ด้านคุณอดิศร์ กฤษณวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ มาอธิบายถึงการเลี้ยงแบบโปรไบโอติกส์ ฟาร์มมิง ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของซีพีเอฟที่จะถ่ายทอดให้กับลูกค้าของซีพีเอฟ ว่า การเลี้ยงแบบนี้ต้องเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรก คือ ใช้สายพันธุ์ปลาทับทิมของซีพีเอฟ ซึ่งได้รับการพัฒนาด้วยวิธีธรรมชาติ ทำให้ได้ปลาทับทิมสายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติของเนื้อหนา ไขมันแทรกในเนื้อ เหมาะสมในการเลี้ยงเพื่อบริโภค นอกจากนี้ ยังใช้อาหารของซีพีเอฟ ซึ่งเป็นอาหารแบบโปรไบโอติกส์ ซึ่งไม่มีสารเคมี และสุดท้ายคือวิธีการเลี้ยงแบบโปรไบโอติกส์
สรุปคือ สายพันธุ์ อาหาร วิธีการเลี้ยงที่ถูกต้องถึงจะได้ปลาพรีเมียม ที่มีทั้งขนาดที่ตลาดต้องการและไม่มีสารตกค้างในเนื้อปลา
“การเลี้ยงแบบนี้จะใช้แบคทีเรียมาเป็นเครื่องมือหลัก ซึ่งซีพีเอฟพัฒนาผลิตภัณฑ์จากแบคทีเรีย ทั้งผสมในน้ำที่เลี้ยงและอาหาร น้ำจะสะอาดมากขึ้น และปลาจะแข็งแรง คุณภาพของบ่อดี ปลาไม่ป่วย ไม่จำเป็นต้องใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เคมีต้นทุนสูง แต่ระยะยาวคุ้มค่ามาก ทั้งคุณภาพปลาและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม น้ำทิ้งจากบ่อ ไปอยู่ในบ่อพัก 7-10 วัน ก็กลับมาใช้อีก ใช้น้ำเก่า 80% ไม่มีปัญหาน้ำเสียทิ้งสู่ธรรมชาติ
คุณอดิศร์ บอกว่า ภูมิพัฒน์ฟาร์มนั้นถือว่าเป็นฟาร์มเลี้ยงปลาทับทิมแบบโปรไบโอติกส์ ฟาร์มมิง ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และถือเป็นต้นแบบในการพัฒนาการเลี้ยงปลาทับทิมในรูปแบบนี้ แต่ไม่ใช่ว่าเกษตรกรรายเล็ก มีที่ดินไม่ถึง 300 ไร่ ได้แต่มองตาปริบๆ นะครับ เพราะเกษตรกรที่มีพื้นที่ขนาด 50-70 ไร่ ก็สามารถเลี้ยงปลาทับทิมแบบนี้ได้ แต่ต้องมีแหล่งน้ำธรรมชาติ รวมถึงแนวความคิดในการเลี้ยงที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือการเลี้ยงแบบใช้จุลินทรีย์ด้วย ไม่อย่างนั้นก็ไปด้วยกันยาก
ส่วนที่ซีพีเอฟมาแนะนำให้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามเสริมไปด้วย เพราะศักยภาพของบ่อยังสามารถเลี้ยงสัตว์น้ำอื่นๆ ที่ไม่กวนกันได้ นั่นคือกุ้งก้ามกราม เพราะธรรมชาติของกุ้งจะอาศัยอยู่บริเวณพื้นบ่อ จะช่วยเก็บอินทรียสารก้นบ่อ ช่วยทำให้บ่อสะอาด ส่วนอาหารกุ้งก็เป็นแบบจุลินทรีย์ ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน ทำให้กุ้งปลอดสารไปด้วย
เป็นอย่างไรบ้างครับ สำหรับการเลี้ยงปลาทับทิมในบ่อแบบโปรไบโอติกส์ ฟาร์มมิง ของภูมิพัฒน์ฟาร์ม ที่ได้รับการสนับสนุนจากซีพีเอฟ เห็นแล้วอนาคตไกลครับ ยิ่งตอนนี้อาหารสุขภาพมาแรงด้วย ยิ่งฉุดไม่อยู่ไปกันใหญ่
สนใจผลิตภัณฑ์ปลาทับทิมภูมิพัฒน์ฟาร์ม ติดต่อได้ที่ 080-276-7288, 085-434-1990 ครับ
หรือถ้าหากสนใจวิธีการเลี้ยงปลาทับทิมแบบโปรไบโอติกส์ ฟาร์มมิง ก็ติดต่อได้ที่เบอร์ 02-675-8800 ต่อ 1828 ครับ
ติดตามชมรายละเอียดการเลี้ยงปลาทับทิมในบ่อดินได้ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 วันที่ 26 ต.ค. 2555 เวลา 14.30-15.00 น. ครับ


