‘โอจิ’ฮุบเอสแพ็คฯ50%
ซื้อจากกลุ่มชินสุภัคกุล 324ล.เป้าบุกตลาดสิ่งพิมพ์อาเซียน
ซื้อจากกลุ่มชินสุภัคกุล 324ล.เป้าบุกตลาดสิ่งพิมพ์อาเซียน
“โอจิ เปเปอร์” ยักษ์ใหญ่สิ่งพิมพ์ญี่ปุ่น เทกโอเวอร์ เอส.แพ็ค กวาดหุ้นเพิ่ม 27% จากกลุ่ม “ชินสุภัคกุล” เตรียมตั้งโต๊ะรับซื้อจากรายย่อย 4 บาท
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริหารและผู้ถือหุ้น บริษัท เอส.แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ (SPACK) เปิดเผยว่า กลุ่มนายยุทธและผู้ถือหุ้นรายอื่นได้ขายหุ้นรวม 81 ล้านหุ้น คิดเป็น 27% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทให้กับบริษัท โอจิ โฮลดิ้งส์ หรือชื่อเดิม โอจิ เปเปอร์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 23.33% การซื้อขายทำผ่านกระดานซื้อขายรายใหญ่ (BIG LOT) วันที่ 2 ต.ค.นี้ มูลค่า 324 ล้านบาท หรือราคาหุ้นละ 4 บาท ส่งผลให้โอจิ โฮลดิ้งส์ ถือหุ้น 151 ล้านหุ้น คิดเป็น 50.33% และต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นจากนักลงทุนทั่วไป (เทนเดอร์ออฟเฟอร์)
นายยุทธ กล่าวว่า การขายหุ้นของนายยุทธและผู้ถือหุ้นอื่น เนื่องจากบริหารบริษัทแห่งนี้มานานพอสมควรและต้องการมีเวลาบริหารงานในบริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) ซึ่งนายยุทธเป็นประธานกรรมการบริหารและขยายธุรกิจทำโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์
“ผมเหนื่อยและอายุมากขึ้น เลยขายหุ้นออกไปดู EPCO มากขึ้น ทำโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์เป็นอุตสาห กรรมมีอนาคตดีมาก รัฐบาลสนับสนุน เริ่มผลิตไฟฟ้าขายให้การไฟฟ้าภูมิภาค 10 เมกะวัตต์ ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.นี้ และรับรู้รายได้ทันทีปีนี้ 40 ล้านบาท อนาคตจะเป็นรายได้หลักของ EPCO” นายยุทธ กล่าว
สำหรับโอจิ เปเปอร์ หลังจากซื้อหุ้นจากกลุ่มนายยุทธและผู้ถือหุ้นอื่นแล้ว ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยเป็นตัวแทนรับซื้อหุ้นจากนักลงทุนทั่วไป และ บล.ทรีนีตี้ เป็นที่ปรึกษาการเงินนักลงทุนรายย่อย
ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า บริษัท โอจิ เปเปอร์ เป็นผู้ผลิตกระดาษรายใหญ่ของญี่ปุ่นและใหญ่ที่สุดในเอเชียเข้ามาถือหุ้น SPACK สัดส่วน 23% ก่อนหน้านี้ โดยซื้อจากกองทุนไทยอีควิตี้ฟันด์และต้องการถือหุ้นใหญ่ไม่ต่ำกว่า 50% เพื่อขยายธุรกิจสิ่งพิมพ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีฐานการผลิตในประเทศไทยเพิ่มเติมจากที่มีโรงงานในเวียดนาม มาเลเซีย 3 โรงงาน และอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานที่กัมพูชาและประเทศพม่า
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ SPACK ภายหลังกลุ่มนายยุทธขายหุ้น ส่งผลให้บริษัท โอจิ โฮลดิ้งส์ คอร์ปอเรชั่น (โอจิ เปเปอร์) ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 สัดส่วน 50.33% นายมงคล ประกิตชัยวัฒนา ถือ 3.17% และอันดับ 3 น.ส.จิราพัชร ไชยวรรณา 2.38%
อย่างไรก็ตาม ภายหลังขายหุ้นนายยุทธได้ลาออกจากการเป็นกรรมการและประธานกรรมการบริหาร นายยอด และนายแดน ชินสุภัคกุล ลาออกจากการเป็นกรรมการมีผลตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค.นี้ และแต่งตั้งนายมาชาฟูมิ ทาเคดะ เป็นประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหารคนใหม่มีผลทันทีวันที่ 2 ต.ค. แต่งตั้งนายชิเงโตะ ชาโนะ นายเคนอิจิ คามิโมโต และนายจุน โทมิตะ เป็นกรรมการคนใหม่แทนกรรมการที่ลาออก
ด้านราคาหุ้น SPACK วันที่ 4 ต.ค. มีการซื้อขายคึกคัก โดยมีแรงซื้อเข้ามาเก็งกำไรข่าวการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ราคาขึ้นไปสูงสุด 3.98 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท มูลค่าซื้อขายหนาแน่น 330.57 ล้านบาท
สำหรับภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ดัชนียืน 1,300 จุด ได้ตลอดทั้งวัน แต่ไปต่อแรงๆ ไม่ได้และไม่ผ่าน 1,310 จุด ดัชนีปิด 1,305.66 จุด เพิ่มขึ้น 5.95 จุด มูลค่าซื้อขาย 38,886.41 ล้านบาท ต่างชาติซื้อ 1,558 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีแรงซื้อเข้ามาเก็งกำไรหนาแน่นยังเป็นการเล่นในกลุ่มหุ้นของ “เจริญ สิริวัฒนภักดี” สลับเป็นรายตัว ซึ่งวันที่ 2 ต.ค. แรงซื้อทะลักเข้ามาในหุ้นเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 4,231.52 ล้านบาท คิดเป็น 10.88% ของมูลค่าซื้อขายรวมทั้งตลาด


