posttoday

ลองขับ นิสสัน ซิลฟี ดีที่ใหญ่กับแอร์หลัง

12 กันยายน 2555

กลายเป็นรถยนต์ที่มีคนถามถึงจำนวนไม่น้อยทีเดียว สำหรับรถยนต์ นิสสัน ซิลฟี รถยนต์ขนาดกลาง หรือซีเซ็กเมนต์ ตัวจริง ของค่ายนิสสัน หลังจากที่ผ่านมา นิสสัน ใช้นิสสัน ทีด้า ซึ่งเป็นที่อยู่ในกลุ่มบีเซ็กเมนต์ เข้ามาทำตลาดรถในระดับนี้

กลายเป็นรถยนต์ที่มีคนถามถึงจำนวนไม่น้อยทีเดียว สำหรับรถยนต์ นิสสัน ซิลฟี รถยนต์ขนาดกลาง หรือซีเซ็กเมนต์ ตัวจริง ของค่ายนิสสัน หลังจากที่ผ่านมา นิสสัน ใช้นิสสัน ทีด้า ซึ่งเป็นที่อยู่ในกลุ่มบีเซ็กเมนต์ เข้ามาทำตลาดรถในระดับนี้

ทำให้นิสสันเองไม่ประสบความสำเร็จในตลาดรถยนต์ระดับซีเซ็กเมนต์ เท่าใดนัก

แต่หลังจากนี้ เชื่อว่านิสสันน่าจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลางนี้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี พอที่จะแข่งกับคู่แข่งตลอดกาลกับโตโยต้า อัลติส และฮอนด้า ซีวิค ได้แล้ว หลังจากที่นิสสัน เปิดตัวนิสสัน ซิลฟี ใหม่ อย่างเป็นทางการไปเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา

นิสสัน ซิลฟี นั้นถูกวางตัวไว้ให้เป็นรถครอบครัว เน้นความสะดวกสบายในการใช้งานเป็นหลัก ไม่ได้เน้นความหวือหวา สำหรับขาซิ่ง แต่อย่างใด

 

เห็นได้จากรูปร่างหน้าตาภายนอก ที่หากใครเป็นแฟนนิสสัน ซันนี่ นีโอ มาก่อนก็ต้องบอกว่า “ใช่เลย” แต่หากใครที่ไม่ได้เป็นสาวกของนิสสัน ก็ต้องส่ายหน้าว่าซิลฟีนั้นดูเป็นผู้ใหญ่เหลือเกิน ไม่มีความเป็นวัยรุ่นให้ชื่นใจเลยสักนิด ซึ่งก็เป็นตามนั้นครับ เพราะซิลฟีใหม่นั้น ดูเป็นผู้ใหญ่เหลือเกิน

แม้ว่าไฟหน้าจะเป็นแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ พร้อมไฟ LED ที่ติดตั้งไว้ทั้งในตำแหน่งไฟหรี่ด้านหน้า ชุดไฟท้าย ไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟเลี้ยวบริเวณกระจกมองข้าง รวมถึงไฟอ่านแผนที่ รวมแล้วซิลฟีมีหลอดไฟ LED มากถึง 54 ดวง ก็ไม่ได้ทำให้ซิลฟีดูเป็นวัยรุ่นขึ้นเท่าไหร่นัก

สำหรับการลองขับครั้งนี้ จะเป็นการลองขับแต่เพียงรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรเท่านั้นครับ ส่วนเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรนั้น ทาง นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ยังไม่ได้นำมาให้ทดลองขับ ซึ่งก็ต้องขอยกยอดไว้ก่อนแล้วกัน

ลองขับ นิสสัน ซิลฟี  ดีที่ใหญ่กับแอร์หลัง

 

ก้าวเข้ามาในห้องโดยสาร ซึ่งเป็นเบาะหนังสีเบจ ยิ่งทำให้รู้สึกว่าภายในของซิลฟีนั้นใหญ่กว่าปกติเข้าไปใหญ่ ลองนั่งในตำแหน่งคนขับ ก็รู้สึกกว้างขวางดีครับ ภายในต้องบอกว่าใหญ่โตเลยทีเดียว ลองย้ายไปนั่งยังตำแหน่งผู้โดยสารตอนหลัง ต้องอุทานว่า

 

“เฮ้ย...นี้ เป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางจริงหรือเปล่า” เพราะใหญ่มากครับ พื้นที่วางขา พื้นที่เหนือศีรษะ มีมาให้เหลือเฟือ จะไขว่ห้าง แยกขา กางแขนยังไง ก็ทำไปเถอะครับ ไม่อึดอัดแน่นอน แถมยังมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังด้วย ซึ่งถือว่าเป็น “จุดขาย” หลักอีกอย่างของซิลฟีที่มาแข่งกับคู่แข่งรายอื่นได้อย่างน่าสนุกแน่

ความกว้างขวางของห้องผู้โดยสารและช่องแอร์หลัง ทำให้รู้เลยว่านิสสันต้องการทำให้ซิลฟีเป็นรถสำหรับครอบครัวจริงๆ นึกออกเลยว่ากลุ่มลูกค้าของซิลฟีต้องเป็นครอบครัวที่มีลูกๆ 12 คน นั่งผึ่งพุงหลับสบายๆ ไม่ต้องนั่งหน้าหงิก ไหล่ชิดกันให้เมื่อย แถมยังมีแอร์เป่าหน้าให้เพลิดเพลินในอารมณ์อีกด้วย

 

ย้ายตัวเองกลับมาที่ตำแหน่งคนขับอีกครั้ง มานั่งมองแผงหน้าปัด คอนโซล พวงมาลัยของซิลฟี ก็พบว่า ยังคงความเป็นนิสสันเอาไว้ได้ไม่น้อยครับ คือความเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความหรูหน่อยๆ แต่ที่ผมแอบยิ้มในใจคือ ซิลฟี ในรุ่นท็อปนั้นมีลายไม้ที่แผงคอนโซลหน้าและที่อื่นๆ อีกนิดหน่อย

ทำให้ย้อนกลับไปนึกถึงรถนิสสันยุคที่สยามกลการ ภายใต้การบริหารงานของคุณพรเทพ พรประภา ยังเป็นเบอร์ 1 ชี้เป็นชี้ตายให้กับนิสสันอยู่ ในสมัยนั้นรถยนต์นิสสันรุ่นใดก็ตามหากบอกว่าจะเน้นหรู ต้องติดลายไม้ที่คอนโซล ซึ่งมีตั้งแต่เซฟิโร่ยันกระบะบิ๊กเอ็มเลยทีเดียว

ส่วนตัวแล้ว ผมว่าภายในของซิลฟีนั้นยังไม่ค่อยเด่นมากนักครับ เรียกว่าเรียบๆ มีออปชันตามสมควร หรือมีแบบพอเพียง ไม่ให้คู่แข่งมาล้อได้ แต่ก็ไม่ได้มีออปชันอย่างจอ LCD ระบบเนวิเกเตอร์ ปุ่ม Push Start เครื่องเสียงมีช่องเชื่อมต่อ USB และ AUX พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน แผงหน้าปัดเรืองแสง พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ เช่น อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน อ้อ...แต่ที่เด่นขึ้นมานิดๆ คือ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติพร้อมแยกอุณหภูมิอิสระได้ซ้ายขวา

ลองขับ นิสสัน ซิลฟี  ดีที่ใหญ่กับแอร์หลัง

 

กำลังมองหน้าจอไปแบบเพลินๆ สายตาเจ้ากรรมก็ดันละเอียดไปเพ่งมองแผงหน้าปัดมาตรวัดรอบด้านหน้า ทำให้เห็นว่าซิลฟีที่ขายในเมืองไทยนั้น มีออปชันหลายอย่างที่หายไป เช่น ระบบ Cruise Control และระบบ Tractiom Control ซึ่งในต่างประเทศ อย่างในอเมริกา มีระบบพวกนี้แน่นอน เฮ้อ...ทำยังไงได้ครับ ขอลดต้นทุนหน่อยก็แล้วกัน

ออกตัวกันเลยดีกว่า กดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร รหัส MRA8DE แรงม้าสูงสุดที่ 131 แรงม้าที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบต่อ นาที แรงบิดสูงสุดที่ 174 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ 3,600 รอบต่อนาที ระบบขับเคลื่อนแบบ XTRONIC CVT ก็เคลื่อนตัวออกไปแบบสบายๆ

สิ่งแรกที่สัมผัสได้จากการขับซิลฟีนั้นไม่ใช่เครื่องยนต์ครับ แต่กลับเป็นความรู้สึกที่ได้จากพวงมาลัยไฟฟ้า ที่ส่วนตัวผมรู้สึกว่า “เบา” มากเกินไปครับ ทำให้รู้สึกว่าการควบคุมแบบโหวงๆ อย่างไรไม่รู้ แต่หากมองในแง่ของการใช้งานในเมืองเป็นหลัก ต้องเข้าตรอก ออกจากซอย หาที่จอดรถในที่แคบๆ ต้องหมุนพวงมาลัยหนักๆ เพื่อถอยจอดในพื้นที่จำกัดก็คงเหมาะครับ และคงเหมาะกับผู้หญิงและคนมีอายุที่ไม่ต้องใช้แรงอะไรมากนักก็สามารถควงพวงมาลัยถอยเข้าถอยออกได้สบาย

 

แต่หากวิ่งด้วยความเร็วสูง พวงมาลัยไม่มีอาการหน่วงของน้ำหนักให้รู้สึกครับ ทำให้ต้องระวังในเรื่องของการควบคุมพวงมาลัยในระดับความเร็วสูงอยู่บ้าง ซึ่งส่วนตัวไม่ชอบครับ

ส่วนในเรื่องของช่วงล่างไม่มีปัญหา เพราะถูกซิลฟีออกแบบมาให้นุ่มนวลครับ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัวเป็นหลัก เมื่อเป็นอย่างนั้น เวลาเจอกับทางขรุขระสบายครับ ไม่มีปัญหา นุ่มนวลดีทีเดียว อาการกระด้างของช่วงล่างไม่มีออกมาให้รำคาญใจแต่อย่างใด

เรียกได้ว่านั่งสบายๆ ได้เลยครับ เหมาะกับความเป็นรถครอบครัวจริงๆ และสิ่งที่มาพร้อมความนุ่มสบายของช่วงล่างก็คือ ความเงียบภายในห้องโดยสาร ที่ขอบอกเลยครับว่าเงียบมาก ไม่มีเสียงรบกวนเข้ามาได้มากมายนัก จะมีก็แต่เสียงยางเข้ามาบ้าง ซึ่งเชื่อว่าหากเปลี่ยนยางให้มีคุณภาพดีกว่าที่ติดมากับรถ ปัญหาเรื่องเสียงยางก็น่าจะจบ

การทำงานของเครื่องเสียงครบถ้วนตามความต้องการของผมแล้วครับ วิทยุ ซีดี เอ็มพี 3 AUX USB มีมาให้พร้อมสรรพ ก็สบายไป ขับไปไหนก็ได้ แต่ในส่วนของลำโพงหน้าหากเร่งเสียงดังปรากฏว่าเสียงลำโพงแตกครับ น่าเสียดาย

ลองขับ นิสสัน ซิลฟี  ดีที่ใหญ่กับแอร์หลัง

 

เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ทำงานได้ดีพอสมควร ไม่อายใครในระดับเดียวกัน การเร่งแซงทั้งในช่วงความเร็วต้นและความเร็วระดับกลาง อยู่ในเกณฑ์ที่ไว้ใจได้ แต่อาจจะไม่ปรู๊ดปร๊าดได้อย่างที่ใจอยากมากนัก แต่ก็ไม่อืดแน่ๆ ครับ โดยเฉพาะช่วงออกตัว ซิลฟีทำได้ดีมากทีเดียว

หากต้องการสนุกมากขึ้น ก็ต้องกดปุ่ม Sport เอาไว้ เพื่อให้รอบในการเปลี่ยนเกียร์สูงมากขึ้นกว่าปกติ นั่นหมายความว่าคุณจะได้อัตราเร่งที่ดีขึ้นมาทันตาเห็น แถมการตอบสนองของรอบเครื่องยนต์เวลากดคันเร่งก็มาทันใจดีครับ ผมชอบครับโหมดนี้ ขับได้สนุกได้ และต้องยอมรับกับเกียร์ XTRONIC CVT ที่ทำงานได้อย่างไม่มีที่ติ จังหวะการเปลี่ยนเกียร์แต่ละเกียร์ราบเรียบดีเหลือเกิน

อัตราการสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13-15 กม./ลิตร ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่ครับสำหรับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร

หากให้ผมสรุป ซิลฟี เป็นรถยนต์ที่เหมาะกับผู้ที่รักสบาย ชอบขับรถไปเรื่อยๆ แต่ไม่เฉื่อยนะ ไปแบบชิลชิล แอร์เย็น ฟังเพลงเพราะๆ ไม่ชอบขับฉวัดเฉวียน ไปเที่ยวกันแบบเป็นครอบครัว นั่งสบายครบทุกคน ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครงอแงก่อนถึงที่หมาย

สนนราคาค่าตัวนิสสัน ซิลฟี 1.8 นี้ เริ่มต้นตั้งแต่ 8.99-9.31 แสนบาทครับ ใครอยากได้รถครอบครัว ห้องโดยสารกว้างๆ นั่งสบายๆ ขับง่ายในเมือง ออกต่างจังหวัดก็ไม่น่ากังวล แต่เส้นทางคดโค้ง ไม่ค่อยเหมาะกับซิลฟีเท่าไหร่นะ

ก็ลองไปดูครับ แล้วจะได้รู้ว่ารถเก๋งสำหรับครอบครัวนั้นมีอยู่จริง!!

ข่าวล่าสุด

ALATi “สยาม เคมปินสกี้” เมดิเตอร์เรเนียนโมเมนต์ สำหรับวันธรรมดาที่สุดพิเศษ