Black Swan‘หงส์ดำ’ ของเศรษฐกิจและการลงทุน
“Black Swan” หรือ “หงส์ดำ” คือ อุปมาของเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยได้เกิดขึ้นบ่อยนัก (Rare Event) แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะสร้างผลกระทบไม่ว่าจะเป็นด้านบวกหรือด้านลบในระดับสูงมาก
การเตรียมประเมินผลกระทบหรือกลยุทธ์รองรับต่อเหตุการณ์
“หงส์ดำ” จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต่อผู้อยู่ในวงการลงทุนและผู้ที่ทำงานในสายบริหารความเสี่ยง (Risk Management)แบบจำลองทางสถิติหรือเศรษฐมิติ (Econometrics) ไม่สามารถคาดการณ์ปรากฏการณ์หงส์ดำได้ เพราะแบบจำลองแทบทั้งหมดมักใช้ข้อมูลในอดีตเพื่อพยากรณ์ไปข้างหน้า โดยที่ปรากฏการณ์หงส์ดำเป็นเหตุการณ์ที่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นในอดีต
ดังนั้น การนำข้อมูลในอดีตมาใช้จึงมีแนวโน้มที่จะไม่คำนึงถึงผลกระทบจากการเกิดขึ้นของเหตุการณ์แบบหงส์ดำ ทำให้ข้อสรุปจากแบบจำลองจึงไม่ได้เตรียมการรองรับผลกระทบของปรากฏการณ์หงส์ดำ
ความผิดพลาดเช่นนี้เคยเกิดขึ้นแล้ว และเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน เมื่อผู้ทำงานในด้านการประเมินอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์และผู้จัดการกองทุน ตลอดจนผู้ทำหน้าที่บริหารความเสี่ยงได้นำข้อมูลสถิติในอดีตของสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์มาประเมินอันดับความน่าเชื่อถือและความเสี่ยงของตราสารหนี้ดังกล่าว
ผลคือมุมมองของการลงทุนในตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์เป็นไปในทางบวก และการประเมินว่าความเสี่ยงในการลงทุนอยู่ระดับที่ต่ำ ส่งผลให้สถาบันการเงินจำนวนมากของสหรัฐและยุโรป เข้าทำการลงทุนในตราสารที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวนมาก และในที่สุดเมื่อเกิดการผิดชำระหนี้จำนวนมากของลูกหนี้อสังหาริมทรัพย์ ผลคือกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจโลก
เหตุการณ์
“หงส์ดำ” ในโลกของการเศรษฐกิจและการลงทุนที่น่าจะได้รับการประเมินเพื่อเตรียมกลยุทธ์การลงทุนหรือแผนฉุกเฉินรองรับนั้นแบ่งได้เป็น 3 เหตุการณ์ใหญ่ คือ 1) เศรษฐกิจจีนจะพบกับปัญหาวิกฤตฟองสบู่แตก และนำไปสู่การชะลอลงของเศรษฐกิจจีนอย่างรุนแรงและกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจในเอเชีย 2) การล่มสลายของเงินสกุลยูโร 3) การล่มสลายของเงินเหรียญสหรัฐทั้ง 3 เหตุการณ์นี้ พบว่าเหตุการณ์แรกคือเศรษฐกิจจีนจะพบกับวิกฤตเศรษฐกิจนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ตลาดเชื่อน้อยที่สุดและได้รับการพูดถึงน้อยที่สุด ในขณะที่การล่มสลายของเงินยูโรได้รับการพูดถึงบ้างหลังจากเกิดวิกฤตการคลังกรีซ และการล่มสลายของค่าเงินเหรียญสหรัฐ นั้นเป็นเหตุการณ์ที่ได้รับการพูดถึงกว้างขวางตลอด 34 ปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันการคาดการณ์ว่าจีนจะประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจเริ่มได้รับการกล่าวถึงบ้างแต่ตลาดไม่ได้เชื่อนัก แม้ว่าคนที่คาดการณ์ว่าจีนจะพบกับวิกฤตเศรษฐกิจล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ณ โตเกียวจะเป็นอดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ศ.เคนเนธ โรกอฟ (Prof. Kenneth Rogoff) ซึ่งปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และผู้แต่งร่วมของหนังสือที่อธิบายวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินที่ดีมากที่ชื่อหนังสือว่า
“This Time is Different”การที่ผู้เกี่ยวข้องในตลาดแทบทั้งหมดปฏิเสธต่อความเป็นไปได้ที่จีนจะพบกับวิกฤตเศรษฐกิจนั้น นับว่าเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง เพราะถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแล้ว คาดว่าจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในระดับที่สูงมากทีเดียว


