posttoday

นิคมอุตสาหกรรมระยองย่ำแย่

14 พฤษภาคม 2555

เหตุการณ์เพลิงไหม้และสารพิษรั่วที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ได้ส่งผลให้ฝันร้ายตามมาหลอกหลอนผู้คนและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในแถบนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่ง “สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง” ประธานที่ปรึกษาและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) ที่ต้องบินกลับจากต่างประเทศทันทีที่ทราบข่าว

เหตุการณ์เพลิงไหม้และสารพิษรั่วที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ได้ส่งผลให้ฝันร้ายตามมาหลอกหลอนผู้คนและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในแถบนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่ง “สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง” ประธานที่ปรึกษาและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) ที่ต้องบินกลับจากต่างประเทศทันทีที่ทราบข่าว

ทั้งนี้ แม้เขาจะให้สัมภาษณ์สั้นๆ ด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจนักว่า สารโซเดียมไฮโปคลอไรต์ของบริษัท อดิยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) รั่วไหล ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก เมื่อวันที่ 6 พ.ค.นั้น ความเสียหายเกิดแก่บริษัท ไม่ได้ก่อให้ความเสียหายต่อนิคมฯ แต่หลังจากนั้นเขาไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทำให้การลงทุนในเขตนิคมอุตสาหกรรมตะวันออก โดยเฉพาะ จ.ระยอง ออกอาการย่ำแย่ขึ้นมาทันที จากอยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะความได้เปรียบจากน้ำท่วมนิคมทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) เขตเหนือ

HEMRAJ มีนิคมฯ ตั้งอยู่ จ.ระยอง สองแห่ง คือ ในเขตมาบตาพุดหรือนิคมฯ เหมราชตะวันออก มีที่ดินเหลือขายเพียง 359 ไร่ และอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบต่อชุมชนด้านสุขภาพ (HIA) จึงไม่มียอดขายที่ดินในนิคมฯ นี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และอีกนิคมฯ หนึ่งคือ นิคมอุตสาหกรรมเหมราช จ.ระยอง ที่อยู่ห่างออกไป

แม้นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส คาดว่าโรงงานภายในนิคมฯ เหมราช จ.ระยอง มีความเสี่ยงสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพต่ำ เพราะเป็นอุตสาหกรรมเบา แต่ผลกระทบถ้ามองระยะยาวจากมาตรการเข้มงวดที่ทวีขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อยอดขายที่ดินในนิคมฯ แถบนั้นทั้งหมด

ย้อนอดีตไปเมื่อปี 2552 ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งระงับการดำเนินงาน 65 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ที่ฉุดผลการดำเนินงานของ HEMRAJ มากที่สุด เพราะมีสต๊อกที่ดินเปล่ามากกว่า 1 หมื่นไร่ ที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขต จ.ระยอง และมีที่ดินบริเวณที่ถูกคำสั่งศาลระงับโครงการมากที่สุด รองลงมา คือ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน มีที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ และมีที่ดินเปล่าที่ จ.ระยอง ประมาณ 4,000 ไร่

“ศรีสุวรรณ จรรยา” นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนได้ทำหนังสือถึง ร.ม.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รมว.อุตสาหกรรม และ “วีรพงษ์ ไชยเพิ่ม” ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)ให้เพิกถอนใบอนุญาตบริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส ผู้ผลิตยางสังเคราะห์บิวทาไดอีน ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และบริษัทแม่บริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ รวมถึงบริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก

“บริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ เคยเกิดสารเคมีรั่วไหลมาแล้วเมื่อปี 2552 ขณะที่บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) มีสารเคมีรั่วไหลหลายครั้ง แต่ยังขยายโรงงานและการผลิตเพิ่มเติม โดยได้ทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ที่ได้จัดรับฟังความคิดเห็นไปเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา”

ล่าสุด กนอ. สั่งให้ทั้งสามบริษัทหยุดผลิตเพื่อตรวจสอบและปรับปรุงเป็นเวลา 6 เดือน โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะทบทวนมาตรการตรวจสอบโรงงานทั่วประเทศ 3,000 แห่งทุกไตรมาส จากเดิมทุก 5 ปีเพื่อต่อใบอนุญาต

พื้นที่มาบตาพุดประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย นิคมอุตสาหกรรมผาแดง และนิคมอุตสาหกรรมอาร์ ไอ แอล มีผู้ประกอบการ 156 แห่ง มีความเสี่ยงส่งผลกระทบต่อชุมชน 65 แห่ง ที่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด

นิคมอุตสาหกรรมระยองย่ำแย่

 

เสียดายที่นิคมฯ ในแถบ จ.ระยอง ที่มีแนวโน้มว่าจะดี อาจทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ถ้ารัฐไม่สามารถเข้าไปกอบกู้เครดิตให้ฟื้นคืนมาได้เร็วพอ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2555 “เดวิด ริชาร์ด นาโดน” กรรมการผู้จัดการ HEMRAJ เพิ่งปรับเป้าหมายยอดขายที่ดินปีนี้ของบริษัทเป็น 2,000 ไร่ จากที่เคยคาดไว้ 1,700 ไร่

ไตรมาสแรก HEMRAJ มียอดขายที่ดินในนิคมแล้ว 928 ไร่ขยายตัวถึง 197% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะการเข้ามาของกลุ่มผู้ลงทุนญี่ปุ่นในนิคมอุตสาหกรรมฝั่งภาคตะวันออก

เช่นเดียวกับ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) ที่ “วิบูลย์ กรมดิษฐ์” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เพิ่งเพิ่มเป้าหมายยอดขายนิคมปีนี้จากเดิมเกิน 2,000 ไร่ เป็น 3,000 ไร่ และคงเป้าการขายยกแปลงอีกไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ ให้กลุ่มร่วมลงทุนกับนักลงทุนชาวจีนคือ โฮลลี ก้าวกระโดดจากปี 2554 ที่ขายได้ 1,580 ไร่

ล่าสุด บริษัทประกาศผลประกอบการงวดไตรมาสแรก ปี 2555 มีกำไรสุทธิ 198 ล้านบาท คิดเป็นกำไรหุ้นละ 0.19 บาท เพิ่มขึ้นถึง 76% จากระยะเดียวกันปีก่อน กำไรสุทธิ 112 ล้านบาท หรือ 0.11 บาทต่อหุ้น

สาเหตุที่ทำให้กำไรของอมตะฯ ดีขึ้น มาจากรายได้จากการขายที่ดินจำนวน 528 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 268 ล้านบาท หรือ 102% จากระยะเดียวกันปีก่อน

นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการเรียกเก็บค่าสาธารณูปโภคและรายได้จากการให้เช่าจำนวน 365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% และรายได้จากดอกเบี้ยรับจำนวน 27ล้านบาท เทียบกับ 11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 133%

ยอดขายที่ผู้บริหารตั้งเป้าไว้นี้ จะเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่

ผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้และสารพิษรั่วไหลในนิคมฯ มาบตาพุด จ.ระยอง นี้ จะสั่นสะเทือนความมั่นใจของนักลงทุนแค่ไหน ถึงขั้นชะลอการลงทุนหรือไม่ เรื่องนี้ต้องติดตาม...

เหมราช นิคมฯ ของ ‘สวัสดิ์’

บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) ของ “สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง” เริ่มประกอบธุรกิจ เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2531 โครงการนิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี เป็นแห่งแรก เพื่อเป็นศูนย์รวมของอุตสาหกรรมเหล็กและอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก

ต่อมาได้จัดตั้งบริษัท อีสเทิร์น อินดัสเตรียล เอสเตท ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเพื่อดำเนินโครงการนิคมอุตสาหกรรมตะวันออก (มาบตาพุด) จ.ระยอง เป็นแห่งที่ 2 ในเดือน ก.ย. 2531 ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นประเภทกลุ่มปิโตรเคมี เคมี และอุตสาหกรรมเหล็ก

ปี 2535 บริษัทได้เพิ่มทุน โดยขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และในปี 2536 บริษัทได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน

ปี 2537 บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยขึ้นอีกชื่อบริษัท อีสเทิร์น ซีบอร์ดอินดัสเตรียล เอสเตท (ระยอง) เพื่อดำเนินโครงการนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่สาม ใน จ.ระยอง เพื่อให้นิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์อิเล็กทรอนิกส์และสินค้าอุปโภคและบริโภค

นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งบริษัทชื่อ บริษัท อีสเทิร์น ไพพ์ไลน์ เซอร์วิสเซส ในปี 2538 เพื่อดำเนินธุรกิจบริการให้เช่าฐานวางท่อ (PIPE RACK) สำหรับการขนถ่ายเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ ไอน้ำ และวัตถุดิบระหว่างลูกค้าในนิคมฯ มาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง และได้ลงทุนบางส่วนในบริษัท ศรีราชาฮาร์เบอร์ ซึ่งดำเนินธุรกิจท่าเรือและขนส่ง เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจและเพิ่มรายได้แก่บริษัทในรูปของเงินปันผล

ปี 2540 บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยที่ British Virgin Islands ชื่อ HInternational (BVI) เป็น Holding Company เพื่อลงทุนทำธุรกิจในต่างประเทศ และต่อมาในปี 2541 บริษัทย่อยดังกล่าวได้ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และบริษัทอื่นในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จัดตั้งบริษัท อีสเทิร์น ฟลูอิด ทราน สปอร์ต เพื่อบริการ จัดการ ระบบการขนส่งทางท่อ

ในปี 2542 บริษัท อีสเทิร์นซีบอร์ด อินดัสเตรียล เอสเตท (ระยอง) ได้เปิดโครงการสำหรับอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) โดยได้สร้างอาคารโรงงานสำเร็จรูปสำหรับนักลงทุนอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมทุกประเภท

พัฒนาการที่สำคัญในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

วันที่ 16 มิ.ย. 2543 ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ “บริษัท เอลโย่เอช ฟาซิลีตี้ แมนเนจเมนต์” โดยบริษัทถือหุ้นเป็นสัดส่วน 40% ของทุนจดทะเบียน โดยปัจจุบันมีผู้ร่วมทุนคือ บริษัท แทรคทอเบล เอเชีย (ถือหุ้น 40%) และบริษัท เตียวฮง สีลม (ถือหุ้น 20%) บริษัทร่วมทุนดังกล่าวนี้จะดำเนินธุรกิจหลักในการให้บริการ การจัดการ รับปรึกษา ดูแล และบำรุงรักษาสาธารณูปโภค ให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรม

14 ส.ค. 2544 บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยขึ้นอีกบริษัทหนึ่ง ชื่อบริษัท เอชคอนสตรัคชัน แมนเนจเม้นท์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง เพื่อดำเนินธุรกิจหลักในด้านวิศวกรรม ด้วยการให้บริการออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง

ในปี 2545 บริษัทได้ออกหุ้นใหม่ จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 283,163,108 หุ้น และในปี 2546 บริษัทได้ออกหุ้น จำนวน 120 ล้านหุ้น ผ่านไอพีโอ

ในเดือน ต.ค. 2546 บริษัทได้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) จาก 10 บาทต่อหุ้น เหลือ 1 บาทต่อหุ้น ทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มเป็นจำนวน 1.3 หมื่นล้านหุ้น

4 ธ.ค. 2546 บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยชื่อ บริษัท เดอะพาร์คเรสซิเดนซ์ เพื่อการบริหารอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยและบริหารจัดการงานบริการ

3 พ.ย. 2547 บริษัทได้เข้าลงทุนในบริษัท เคเคเจทีซีไอ (ประเทศไทย) และเปลี่ยนเป็นบริษัท เหมราช อีสเทิร์นซีบอร์ด อินดัสเตรียล เอสเตท เพื่อขยายธุรกิจการพัฒนาที่ดินเพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรม

(นิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์นซีบอร์ด) ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 4 ในกลุ่มของบริษัท ในเดือน พ.ค. 2548 บริษัทได้เข้าร่วมลงทุนในสัดส่วน 25% ในบริษัท เอสไอแอล ที่ดินอุตสาหกรรมและเข้าบริหารสวนอุตสาหกรรม 2 แห่ง ที่ จ.สระบุรี และระยอง โดยมีพื้นที่คงเหลือประมาณ 4,700 ไร่

ในเดือน มี.ค. 2548 บริษัทได้เข้าทำสัญญาร่วมทุนกับบริษัท โกลว์ พลังงาน เพื่อจะจัดตั้งบริษัท โกลว์ เหมราช พลังงาน เพื่อพัฒนาโครงการผลิตพลังงานไฟฟ้า เพื่อจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และได้จัดตั้งบริษัทในเดือน มิ.ย. 2548 โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นจำนวน 10

ข่าวล่าสุด

เปิดโผกลุ่มหุ้นได้-เสียประโยชน์ เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 4.5 ปี