ดีดบ้านต่ำ2ล้านไม่คุ้ม

แนะให้ย้ายที่อยู่หนีน้ำชั่วคราว ชี้รัฐควรมีแนวป้องกันที่ชัดเจน

นักวิชาการ ชี้ดีดบ้านยกบ้านหนีน้ำท่วมได้ไม่คุ้มเสีย ย้ำภาครัฐควรมีความชัดเจนในแนวทางป้องกันน้ำท่วมใหญ่ มากกว่าเอกชนจะมายกบ้านหนีน้ำเอง

นายธเนศ วีระศิริ เลขาธิการวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาโครงการในหมู่บ้านจัดสรรและบ้านอยู่ในโซนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา หลายแห่งนิยมใช้การดีดบ้าน หรือยกบ้านให้สูงขึ้นเพื่อหนีน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นในปีนี้

สำหรับการดีดบ้านไม้ 2 ชั้น ต้องเสียค่าใช้จ่ายเริ่มต้น 3 แสนบาท ส่วนบ้านคอนกรีตต้องใช้วิธียกบ้าน ต้องใช้เงินเริ่มต้นที่ 8 แสนบาทต่อบ้านที่มีจำนวน 20 เสา

ทั้งนี้ หากเป็นบ้านที่ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทนั้น จะไม่คุ้มกับการลงทุน อีกทั้งหากจะอยู่อาศัยจริงทำได้ยาก เพราะบ้านยกสูงไม่ถูกน้ำท่วม แต่อาจจะไม่มีไฟฟ้าใช้ในยามเกิดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ ควรจะย้ายที่อยู่อาศัยจะดีกว่า

“การดีดบ้านกับการยกบ้านนั้นมีวัตถุประสงค์เหมือนกัน คือ ต้องการให้บ้านสูงขึ้นจากระดับเดิม แต่วิธีการดำเนินงานนั้นแตกต่างกัน เพราะการดีดบ้านเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ทำมานาน โดยอาศัยช่างไม้ในการดำเนินงาน โดยอาศัยรอกโซ่ และทำค้ำยัน 3 เสาในการดีดบ้าน ส่วนใหญ่จะทำการดีดบ้านให้สูงไม่ต่ำกว่า 3 เมตร ส่วนการยกบ้านนั้นต้องอาศัยแม่แรงไฮดรอลิกยกขึ้นจากเสาตอม่อ โดยต้องใช้กับอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ที่ผ่านมาอาคารที่ต้องใช้วิธียกบ้านต้องเป็นอาคารที่มีความสูงไม่เกิน 6 ชั้น” นายธเนศ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ภาครัฐควรจะมีมาตรการป้องกันและจัดการปัญหาน้ำท่วมที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่เหมือนปีที่ผ่านมา ขณะที่การทำกำแพงกั้นน้ำนั้นมีต้นทุนในการดำเนินงานที่สูง ซึ่งการดีดบ้านหรือยกบ้านนั้นจะเหมาะกับบ้านที่อยู่ริมคลองหรืออยู่ใกล้น้ำ และการทำงานต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของวิศวกร เพราะการดีดบ้านที่ผ่านมาอาจเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะขาดวิศวกรในการควบคุม

ทั้งนี้ วสท.เตรียมจัดงานวิศวกรรมแห่งชาติ 2555 ระหว่างวันที่ 12-15 ก.ค. 2555 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยจะชูนวัตกรรมประหยัดพลังงานและวิศวกรรมสีเขียว เป็นต้น