posttoday

พีน่ากรุ๊ปติดใจลุยค้าปลีกต่อ

25 มกราคม 2555

ทุ่ม500ล.ผุดซานโตรินีฯชะอำ ดักนักเที่ยวเข้าหัวหินเพิ่มทุกปี

ทุ่ม500ล.ผุดซานโตรินีฯชะอำ ดักนักเที่ยวเข้าหัวหินเพิ่มทุกปี

โพสต์ทูเดย์ — กลุ่มพีน่าผุด “ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ” ต่อยอดแฟชั่นค้าปลีก หวังเจาะนักท่องเที่ยว เข้าหัวหินปีละ 4 ล้านคน คาด 6 ปี คืนทุน

น.ส.นัสวี ตันติจิรสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีม พลาซ่า ดีวีลอปเม้นท์ ในเครือบริษัท พีน่า กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องแต่งกายและค้าปลีก แบรนด์ พีน่า เฮ้าส์ และพรีเมียม เอาต์เล็ต เปิดเผยว่า ได้ก่อตั้งบริษัทดังกล่าวขึ้นในปี 2554 เพื่อดำเนินธุรกิจค้าปลีกรูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อ “ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ” (Santorini Park ChaAm) โดยใช้งบลงทุนกว่า 500 ล้านบาท บนพื้นที่ 60 ไร่

โครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษมขาเข้ากรุงเทพฯ ห่างจากกรุงเทพฯ ราว 190 กม. โดยได้แนวคิดการออกแบบโครงการมาจากงานสถาปัตยกรรมสีฟ้า-ขาว บนเกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ เพื่อสร้างร้านค้าปลีกภายใต้สโลแกน “มูส ช็อปปิ้ง เอ็กซ์พีเรียนซ์” หรือประสบการณ์ช็อปปิ้งสุดสนุกจากกลุ่มเครื่องเล่น 6 ชนิดจากทั่วโลก โดยจะทดลองเปิดให้บริการในวันที่ 24 มี.ค. และจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 พ.ค.นี้

สำหรับร้านค้าภายในโครงการจะแบ่งเป็น 5 โซนหลัก คือ โซนวิลเลจ ที่รวบรวมร้านค้าประเภทต่างๆ โซนพาร์ค หรือสวนสนุกขนาดย่อม อาทิ ชิงช้าสวรรค์ สูง 40 เมตร ม้าหมุน 2 ชั้น เป็นต้น โซนอีเวนต์ ลานจัดกิจกรรม โซนวีกเอนด์ อาร์ต มาร์เก็ต จัดขึ้นในวันเสาร์-อาทิตย์ และโซนเรสต์ แอเรีย ร้านอาหารแบรนด์ต่างๆ

“ในส่วนของร้านค้าปลีกให้เช่าโครงการดังกล่าวของบริษัท จะมีขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 12 ตารางเมตร72 ตารางเมตร โดยวางราคาค่าเช่าพื้นที่เฉลี่ย 1,000 บาทต่อตารางเมตร” น.ส.นัสวีร์ กล่าว

ขณะที่กลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการจะเป็นนักท่องเที่ยว ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีปริมาณนักท่องเที่ยวเดินทางไปยัง อ.หัวหิน ราว 4 ล้านคนต่อปี แบ่งเป็นกลุ่มคนกรุงเทพฯ สัดส่วนสูงถึง 80% และมีอัตราเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยตั้งเป้า โครงการ “ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ” จะถึงจุดคุ้มทุนใน 6 ปี

“ศักยภาพของหัวหินเห็นได้จากโครงการพรีเมียม เอาต์เลต ชะอำ ที่มีปริมาณรถหมุนเวียน 2-3 หมื่นคัน ในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดสูงถึง 1.2 แสนคันต่อวัน โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 15-20% ในรอบ 7-8 ปีที่ผ่านมา” น.ส.นัสวี กล่าว

คาดโครงการ ‘ซันโตรินี พาร์ค ชะอำ’ จะถึงจุดคุ้มทุนใน 6ปี

การขยายธุรกิจดังกล่าวยังเป็นการต่อยอดธุรกิจอุตสาหกรรมสิ่งทอเครื่องแต่งกายและแฟชั่นของแบรนด์ พีน่า เฮ้าส์ ที่อยู่ในตลาดมานานกว่า 30 ปี จนถึงปัจจุบัน และรับสิทธิการบริหารแบรนด์แฟชั่นต่างๆ อาทิ พีน่า เฮ้าส์ เท็น แอนด์ โค และล่าสุด ทิมเบอร์แลนด์ รวมถึงธุรกิจโรงแรมไอยรา บีช เกาะสมุย

ด้านแนวทางการดำเนินธุรกิจ บริษัท พีน่า เฮ้าส์ นับจากนี้ จะมุ่งสร้างอัตราการเติบโตทางธุรกิจแบบไม่หวือหวามากนัก แต่จะทำกำไรจากการลดต้นทุนและปรับกระบวนการผลิต รวมถึงการ บริหารจัดการทั้งหมด ซึ่งใน 1-2 ปีจากนี้ บริษัทเตรียมรับสิทธิบริหาร (ไลเซนส์) แฟชั่นเครื่องแต่งกายแบรนด์ใหม่จากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดด้วย

ปัจจุบันบริษัทมีร้านแบรนด์ต่างๆ ทั้งสิ้น 180 จุดทั่วประเทศ และมีปลีกพรีเมียม เอาต์เล็ต 6 แห่ง คือ พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา อุดรธานี พัทยา ภูเก็ต และกระบี่ โดยในปี 2554 มีรายได้กว่า 4,000 ล้านบาท m

 

ข่าวล่าสุด

“สีหศักดิ์” เตรียมประชุมอาเซียนนัดพิเศษที่มาเลเซีย ถกปมกัมพูชา 22 ธ.ค.นี้