วัสดุแพง-แรงงานขาดระเบิดเวลาตลาดบ้านหลังน้ำลด
ผลจากการเกิดมหาอุทกภัยใหญ่ในประเทศปีนี้ ถือเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ที่สร้างความเสียหายให้กับภาคอุตสาหกรรม
ผลจากการเกิดมหาอุทกภัยใหญ่ในประเทศปีนี้ ถือเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ที่สร้างความเสียหายให้กับภาคอุตสาหกรรม
โดย...ทีมข่าวอสังหาริมทรัพย์
ผลจากการเกิดมหาอุทกภัยใหญ่ในประเทศปีนี้ ถือเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ที่สร้างความเสียหายให้กับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะโรงงานที่อยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรม 7 แห่ง ถนนหนทาง ระบบสาธารณูปโภค รวมไปถึงบ้านเรือนของประชาชนและโครงการอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
แม้ว่าเวลานี้จะอยู่ในช่วงฟื้นฟูที่บรรดาผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างต่างเร่งลดราคาวัสดุก่อสร้าง เพื่อให้นำมาใช้ฟื้นฟูบ้าน รวมไปถึงโครงการที่ได้รับความเสียหาย แต่ก็เชื่อว่าการลดราคาดังกล่าวเป็นการแก้ปัญหาในระยะสั้นเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรผู้ที่จะปรับปรุงบ้านหรือซื้อบ้านใหม่นั้นจะต้องเผชิญต้นทุนการก่อสร้างที่ปรับราคาสูงขึ้น ทั้งจากวัสดุก่อสร้างและค่าจ้างแรงงานที่มีความต้องการใช้เพิ่มมากขึ้นมหาศาล
nคาดตรึงราคาวัสดุได้แค่ช่วงสั้น
กานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย หรือเอสซีจี กล่าวว่า กำลังการผลิตวัสดุก่อสร้างยังคงมีการผลิตสินค้าอย่างต่อเนื่องและเพียงพอต่อความต้องการหลังน้ำท่วม ในเรื่องการขึ้นราคาสินค้า ในไตรมาสแรก ปี 2555 ยังไม่ขึ้นแน่นอน ยกเว้นอิฐมวลเบาคิวคอน ที่โรงงานตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ซึ่งอาจจะมีการปรับราคาขึ้น
“ความต้องการวัสดุก่อสร้างขณะนี้มีสูงมากอย่างแน่นอนเพื่อนำไปใช้ในการฟื้นฟูบ้านเรือน ซึ่งผู้ประกอบการได้ให้ความช่วยเหลือในการตรึงราคาวัสดุก่อสร้างและให้ส่วนลดสูงสุดถึง 60% ผ่านร้านวัสดุก่อสร้างซีเมนต์ไทยโฮมมาร์ท” กานต์ กล่าวยืนยัน
ด้านกฤษดา จันทร์จำรัสแสง เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ระบุว่า ผลกระทบจากน้ำท่วมได้ส่งผลกระทบทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างประสบกับปัญหาค่อนข้างมาก แม้ว่าปัญหาดังกล่าวจะเริ่มคลี่คลายในระดับหนึ่ง แต่การขนส่งวัสดุก่อสร้างหรือโลจิสติกส์นั้นยังทำได้ลำบาก อีกทั้งราคาวัสดุก่อสร้างมีการขยับขึ้นหลายรายการ แม้ว่าจะพยายามตรึงราคาไว้ในช่วงแรก
“สถานการณ์เริ่มกลับมาวนเวียนในวังวนเดิมๆ ทุกครั้งเมื่อเกิดปัญหาขาดแคลนวัสดุก่อสร้างและแรงงานก่อสร้างขาดแคลน เพราะแรงงานส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัด ช่วงหน้าทำนาก็กลับบ้านไปช่วยเกี่ยวข้าว พอเกิดน้ำท่วม แรงงานก็จะคืนถิ่นไปช่วยเหลือครอบครัวของตัวเองในการฟื้นฟูบ้านเรือน” กฤษดา กล่าว
nหวั่นผู้รับเหมาโขกค่าซ่อมบ้าน
ขณะที่ วิบูล จันทรดิลกรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ขอให้ทางสมาคมช่วยจัดทำราคากลางวัสดุก่อสร้างรายการหลักๆ ที่จำเป็นสำหรับการซ่อมแซม รวมถึงอัตราค่าแรงสำหรับงานซ่อมแซมประเภทต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคใช้เป็นราคาเปรียบเทียบกับผู้รับเหมาที่ผู้บริโภคว่าจ้างมาเพื่อซ่อมแซมบ้านโดยทั่วไป
ทั้งนี้ ราคากลาง แบ่งออกเป็น 2 หมวดคือ หมวดรื้อถอน และหมวดติดตั้งใหม่ โดยหมวดรื้อถอนจะเป็นรายการเกี่ยวกับค่าแรงในการรื้อถอนวัสดุประเภทต่างๆ ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด อาทิ บานประตู วงกบ พื้น ไฟฟ้า สี ฯลฯ ส่วนหมวดติดตั้งใหม่ จะเป็นหมวดที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับราคาของวัสดุก่อสร้างประเภทต่างๆ ที่คาดว่าจะต้องใช้มากที่สุด อาทิ พื้น บานประตู กระเบื้อง อุปกรณ์ ปลั๊กไฟ รวมถึงค่าแรงในการติดตั้งด้วย
“ราคากลางดังกล่าวผู้บริโภคสามารถนำมาใช้เปรียบเทียบได้ แต่อย่ายึดถือทั้งหมดเพราะปริมาณความเสียหายในแต่ละบ้านไม่เท่ากัน อีกทั้งความยากง่ายในการจัดหาวัสดุแต่ละประเภทก็มีความแตกต่างกัน ทำให้การตีราคาของผู้รับเหมาในแต่ละรายมีความแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงานที่ทำด้วย” วิบูล กล่าว
อิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า บ้านในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้น มีมากกว่า 1 ล้านหลังที่ต้องได้รับการฟื้นฟู โดยทางสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ได้จัดทำราคากลางซ่อมบ้านเพื่อให้ผู้ที่ต้องการซ่อมแซมบ้านใช้เป็นราคากลาง เนื่องจากเชื่อว่าหลังจากผ่านวิกฤตน้ำท่วม จะถูกโก่งราคาค่าก่อสร้างและราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับสูงขึ้นอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าโครงการที่ถูกน้ำท่วมจะต้องใช้ระยะเวลาฟื้นฟูประมาณ 36 เดือน ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะกลับมานั้นต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร แต่ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะมีมาตรการออกมาสร้างความเชื่อมั่น เรื่องแผนป้องกันน้ำท่วม หากยังไม่มีความชัดเจนตลาดอสังหาฯ จะต้องซึมยาวอย่างแน่นอน
nเร่งปรับแผนลงทุนหลังน้ำท่วม
ด้านไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะคอนฟิเด้นซ์ ในเครือควอลิตี้ เฮ้าส์ บอกว่า แนวโน้มราคาค่าแรง วัสดุก่อสร้างปรับขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งคาดว่าภายในไตรมาสแรกปีหน้าจะเห็นภาพชัดราคาบ้านคงต้องปรับขึ้น 5-10% แม้ว่าผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างหลายรายจะออกมาบอกว่าจะพยายามตรึงราคา แต่ในความเป็นจริงแล้วคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับภาวะค่าแรงและวัสดุก่อสร้าง
ในส่วนของบริษัทจะเร่งนำวัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปเข้ามาใช้ เพื่อควบคุมต้นทุน เป็นการจ้างผลิต ระบบก่อสร้างสำเร็จรูปพรีแฟบ เข้ามาใช้ประมาณ 30% และคาดว่าปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% เพื่อต้องการคุมงานก่อสร้างบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ให้ไม่เกิน 4 เดือน จากปัจจุบันอยู่ที่ 5-6 เดือน
อีกทั้งยังมีการควบคุมต้นทุนทางการตลาดด้วยการหันมาใช้การตลาดแบบมาร์เก็ตพูล โดยทำการตลาดโครงการบ้านแนวราบ 4 โครงการ และแนวสูง 2 โครงการ ภายใต้แบรนด์เดอะทรัสต์จัดกิจกรรมร่วมกัน
สมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์คงได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ ในช่วง 36 เดือน เนื่องจากคนจะระมัดระวังการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ อีกทั้งราคาวัสดุก่อสร้างและค่าจ้างแรงงานนั้นจะต้องมีการปรับขึ้นอย่างแน่นอน ทำให้ต้องมาทบทวนแผนการลงทุนใหม่ จากเดิมเคยพัฒนา 8 โครงการ อาจจะต้องเหลือ 3-4 โครงการ มูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท
สำหรับในทำเลที่ถูกน้ำท่วมหนัก อาจจะต้องชะลอแผนการพัฒนาออกไป โดยไปให้น้ำหนักกับการลงทุนในที่ดินแปลงใหม่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมมาพัฒนาก่อน เช่น โครงการที่เมืองพัทยา รวมไปถึงการพัฒนาคอนโดมิเนียมในเมือง
นี่คือจุดเปลี่ยนของผู้ประกอบการที่ต่างต้องเร่งปรับตัวครั้งใหญ่ เมื่อเผชิญกับปัญหาต้นทุนวัสดุก่อสร้างและค่าจ้างแรงงานก่อสร้างที่สูงขึ้น แต่รายใดปรับตัวไวย่อมได้เปรียบในสมรภูมิการแข่งขัน ที่ต้องศึกษาให้ชัดเจนว่า จะรุกตลาดคอนโดมิเนียมหรือบุกโครงการแนวราบ แต่ที่แน่ๆ ทุกวิธีต้องสามารถช่วยลดต้นทุน


