เอ็มไทยเปิดดูหนังออนไลน์รับ3จี
เอ็มไทย ทุ่มลงทุนเปิดบริการดูหนังออนไลน์ รับกระแส 3 จี แทบเล็ต สมาร์ตโฟนบูม หวังปีแรกกวาดสมาชิก 5 หมื่นราย
เอ็มไทย ทุ่มลงทุนเปิดบริการดูหนังออนไลน์ รับกระแส 3 จี แทบเล็ต สมาร์ตโฟนบูม หวังปีแรกกวาดสมาชิก 5 หมื่นราย
นายนวมินทร์ ประสบเนตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมโน เจนเนอเรชั่น ในเครือ โมโน กรุ๊ป ผู้บริหารเว็บไซด์ เอ็มไทยดอทคอม เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายผลักดันเวบไซต์ เอ็มไทยดอทคอม www.mthai.com ให้ขึ้นเป็นผู้นำในเวบไซต์ไทย ภายในปี 55 จากปัจจุบันอยู่ในอันดับ 2 ที่มียอดผู้ชมมากกว่า 650,000 คนต่อวัน ภายใต้กลยุทธ์การเป็นที่บริหารงานและมีเจ้าของเป็นคนไทย พร้อมกันนี้จะเดินหน้าเปิดตัว บริการเสริมใหม่ ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อการเป็นผู้ให้บริการด้านเนื้อหาแก่ลูกค้าอย่างครบวงจร
ล่าสุด ทุ่มงบประมาณมากกว่า 10 ล้านบาท เปิดตัวบริการใหม่ “ดูหนัง.เอ็มไทย” เพื่อให้บริการดูหนังออนไลน์แบบไม่จำกัด เป็นรายแรกในประเทศไทย ทั้งภาพยนตร์ไทย เกาหลี และต่างประเทศ รวมทั้งคลิปวีดีโอต่าง ๆ จำนวนมากกว่า 1,500 เรื่อง เพื่อให้ลูกค้าสามารถดูหนังได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงแบบไม่จำกัด ให้บริการในราคาเริ่มต้นที่ 129 บาทต่อเดือน, แพ็คเกจ 6 เดือน ราคา 736 บาทและ แพ็คเกจ 12 เดือน ราคา 1,349 บาท
“มั่นใจว่าหลังเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วจะมีลูกค้าสมัครเข้ามาใช้บริการในปีแรกที่ 50,000 ราย เพราะคิดค่าบริการในราคาที่ถูก และลูกค้าสามารถเลือกรับชมภาพยนตร์ได้ไม่จำกัด ทั้งนี้การรับชมภาพยนตร์ในช่วงแรกจะรองรับโทรศัพท์มือถือในระบบสมาร์ทโฟน และผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตต่าง ๆ คาดว่า ภายใน 2 เดือนนับจากนี้ จะขยายบริการไปกลุ่มลูกค้าไปยังผู้ใช้โทรศัพท์มือแอนดรอยด์ และ แบล็คเบอร์รี่” นายนวมินทร์กล่าว
ปัจจุบัน ธุรกิจให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต เวบไซต์ รายได้หลักมาจากการโฆษณา คิดเป็นสัดส่วน 1-2% จากงบโฆษณาโดยรวมมูลค่า 1 แสนล้านบาท ขณะที่แนวโน้มรายได้จากการขายคอนเทนต์จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามพัฒนาการของเทคโนโลยีทั้ง 3 จี รวมทั้งอุปกรณ์แทบเล็ตและสมาร์ตโฟน ซึ่งผู้บริโภคมีความต้องการดิจิตอล คอนเทนต์ในรูปแบบความบันเทิงต่าง ๆ มากขึ้น
นายนวมินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการหลายรายทั้งในและต่างประเทศต้องการเข้ามาร่วมดำเนินธุรกิจกับเอ็มไทย แต่บริษัทมีนโยบายไม่ขายหุ้นให้กับผู้ลงทุน แต่เน้นร่วมมือเป็นพันธมิตรในการขยายธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อต่อยอดมากกว่า เพราะปัจจุบัน บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยปีที่ผ่านมามีกำไร 500 ล้านบาทจากการดำเนินธุรกิจ 4 กลุ่ม ได้แก่ สิ่งพิมพ์ บันเทิง ท่องเที่ยวและภาพยนตร์


