เลเธอร์ มายน์ เครื่องหนังแบรนด์ไทย ไปทั่วโลก
ขึ้นชื่อว่างานฝีมือจากประเทศไทยแล้ว ส่วนใหญ่จะได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติทั้งนั้น
ขึ้นชื่อว่างานฝีมือจากประเทศไทยแล้ว ส่วนใหญ่จะได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติทั้งนั้น
โดย...นิธิ ท้วมประถม
ขึ้นชื่อว่างานฝีมือจากประเทศไทยแล้ว ส่วนใหญ่จะได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติทั้งนั้น เพราะด้วยรูปแบบความประณีต ความละเอียดในการผลิต ประดิดประดอยแล้ว การออกแบบของคนไทยก็ไม่น้อยหน้าชาติใดในโลกเช่นกัน
เหมือนกับอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานที่ทำจากหนังวัว ฝีมือคนไทย ที่ไปตั้งโดดเด่นอยู่ตามโต๊ะทำงานของนักธุรกิจชาวยุโรป อเมริกา มานานกว่า 20 ปี รวมถึงแผ่นรองเขียนจดหมายตามห้องพักโรงแรมในต่างประเทศ ที่ผมเชื่อว่ามีโต๊ะทำงานหลายหมื่นโต๊ะ รวมถึงแผ่นรองเขียนอีกหลายหมื่นแผ่นที่เป็นงานฝีมือคนไทยไปตั้งอวดความสามารถอยู่โดยที่พวกเราไม่มีโอกาสได้รู้เลย
และบริษัท เลเธอร์ มายน์ คือหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องหนังสำหรับอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน และเครื่องใช้บนโต๊ะทำงาน ที่ผลิตสินค้าส่งออกไปยังต่างประเทศนานกว่า 20 ปี!!
ผมนั่งมองอุปกรณ์สำนักงานที่ทำจากหนังวัวแท้ และหนังวัวเทียม ที่ตั้งโชว์อยู่เต็มชั้นวาง รวมถึงสินค้าอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสตางค์สำหรับสุภาพบุรุษ กล่องใส่นาฬิกา ใส่เครื่องประดับ กรอบใส่ iPad iPhone กรอบรูป กระเป๋าใส่ของ สารพัดครับ ไม่น่าเชื่อว่าของที่เห็นส่วนใหญ่นั้นผลิตเพื่อการส่งออกเป็นหลัก
ศุภดนัย ศุภผลศิริ Project Development Manager บริษัท เลเธอร์ มายน์ เด็กหนุ่มที่เป็นผู้บริหารรุ่นที่ 2 ของ เลเธอร์ มายน์ บอกถึงประวัติของบริษัทว่า แรกเริ่มเดิมทีธุรกิจของครอบครัวไม่ได้ทำธุรกิจใดๆ เกี่ยวกับเครื่องหนังแต่อย่างใด โดยธุรกิจครอบครัวแรกเริ่มเดิมทีนั้นเป็นธุรกิจขายเครื่องเงิน อยู่บริเวณบ้านบาตร ที่อยู่แถวสำราญราษฎร์เองครับ
“ที่บ้านไม่เคยทำเครื่องหนังมาก่อน ขายแต่เครื่องเงินที่บ้านบาตร แต่น้าสาว ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจเครื่องหนัง มีโอกาสไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา แล้วเห็นคนต่างชาติใช้ไดอะรีกันมาก ก็เลยเห็นโอกาสว่าหากทำไดอะรีที่มีปกเป็นหนัง น่าจะขายได้ ก็เลยกลับมาทำเลย และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรา”
ไม่น่าเชื่อว่าจากความไม่มีประสบการณ์ในเรื่องของการทำเครื่องหนังใดๆ แต่มีความคิดว่าถ้าทำไดอะรีหนังแล้วจะขายได้ ก็ตัดสินใจลองผิดลองถูกสั่งหนังเข้ามาแล้วก็ทำส่งออกในครั้งแรก และได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
นั่นคือก้าวแรกของเลเธอร์ มายน์ สำหรับธุรกิจการผลิตเครื่องใช้สำนักงานที่ทำด้วยหนัง โดยขยายจากไดอะรีไปสู่สินค้าเครื่องใช้สำนักงานอื่นๆ ทั้งแผ่นรองเอกสาร กล่องใส่ปากกา นามบัตร ทั้งหลาย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากในตลาดต่างประเทศ
“ลูกค้าหลักของเราคือตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรปเป็นหลัก เพราะเป็นตลาดแรกๆ ของเรา แต่ในระยะหลังเราพยายามขยายตลาดมาตลาดเอเชียและในประเทศด้วย รวมถึงปรับแผนการทำตลาดและการบริหารใหม่ด้วย”
เลเธอร์ มายน์ ถือเป็นบริษัทครอบครัวระดับเอสเอ็มอี ที่แน่นอนว่าการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับหัวหน้าครอบครัวเป็นหลัก ซึ่ง ศุภดนัย บอกว่า ในสมัยก่อนก็ไม่มีปัญหา แต่มาในสมัยนี้สมาชิกในครอบครัวอาจมีความสามารถในการบริหารธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม รวมถึงมีรายละเอียดที่ต้องดำเนินการมากกว่าเดิมไม่ได้ จำเป็นต้องเปิดรับผู้บริหารมืออาชีพในสายงานต่างๆ เข้ามาช่วย อย่างเช่น ด้านการออกแบบ ก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเข้ามาช่วย
เมื่อตลาดเครื่องใช้สำนักงานที่ทำจากหนังได้รับความนิยมมากขึ้น เลเธอร์ มายน์ ก็เริ่มขยายไลน์สินค้ามาเป็นของใช้ภายในบ้าน อย่างเช่น กล่องเก็บเครื่องประดับ ทั้งนาฬิกา แหวน สร้อย ต่างๆ ซึ่งราคากล่องพวกนี้ราคาไม่น้อยนะครับ หลายพันบาททีเดียว ซึ่งสินค้าประเภทนี้ขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ไม่ใช่แค่เครื่องใช้สำนักงานเท่านั้น แต่ยังมีฝ่ายออกแบบสินค้าต่างๆ ด้วย มีตู้จิวเวลรี มีดีไซน์ ต่างจากคนอื่นๆ เป็นตู้ แตกไลน์จากสำนักงาน เป็นเฟอร์นิเจอร์ได้ มีการดีไซน์มากขึ้นเพื่อขยายตลาดให้มากขึ้น อย่างตู้เก็บเครื่องประดับก็มีการออกแบบให้เปิดได้หลากหลาย กลายเป็นตู้โชว์ได้ในตัว ซึ่งสินค้าตัวนี้ทางยุโรปให้ความสนใจไม่น้อย
นอกจากนี้ ยังเริ่มพัฒนาสินค้าไปยังอุปกรณ์ไอทีก็มี อย่างซองใส่ไอแพด 2 ทำจากหนังวัว ซึ่งคาดว่าจะวางจำหน่ายในช่วงปลายปีนี้ ผมลองหยิบๆ จับๆ ดูแล้วก็น่าสนใจครับ ฝีมือไม่แพ้ของเคสแบรนด์เนมจากต่างประเทศ ที่ขายอยู่ในร้าน iStudio เหมือนกัน แถมยังมีลูกเล่นคือปุ่ม Sleep Mode มีแผ่นแม่เหล็กประกบไว้ พอปิดฝาเคสไอแพดจะเข้าสู่โหมด Sleep Mode ทันที
นอกจากนี้ ยังเริ่มพัฒนากระเป๋าถือสตรีไว้ให้สาวๆ ได้ถือด้วย โดยใช้วัตถุดิบจากแผ่นหนังที่เหลือจากการผลิตเครื่องใช้สำนักงานแล้วนำไปรีไซเคิล ออกมาเป็นแผ่นหนังรีไซเคิล หลังจากนั้นนำแผ่นหนังดังกล่าวมาซอยเป็นเส้นๆ แล้วส่งไปให้ชาวบ้านที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สานมาเป็นกระเป๋าจักสานจากแผ่นหนัง
“เราส่งเส้นหนังไปให้ชาวบ้านที่ภาคใต้ไปสานลายท้องถิ่นมาให้เรา โดยเราออกแบบโทนสีไปให้ ไปใช้ความสามารถของชาวบ้านมาสานให้เป็นรูปร่าง แล้วทางโรงงานมาขึ้นรูปโครงอีกครั้ง รวมถึงทำหู ให้เป็นกระเป๋าสำเร็จรูปอีกด้วย นี่ก็เป็นสินค้าอีกหนึ่งชนิดที่เราจะเอาไปโรดโชว์ที่ประเทศเยอรมนีในช่วงสิ้นเดือนนี้”
ศุภดนัย ย้ำว่า แม้ว่า เลเธอร์ มายน์ จะมีตลาดส่งออกที่แน่นอน แต่ต้องวางแผนรับมือการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เพราะสินค้าจากประเทศไทยนั้นมีคู่แข่งที่น่ากลัวมาก คือสินค้าจากประเทศจีน ที่สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้เทียบเท่าของไทยได้ ซึ่งสิ่งที่เลเธอร์ มายน์ ต้องเร่งพัฒนาตัวเองให้เหนือกว่าสินค้าจากจีนคือ การออกแบบที่ต้องโดดเด่น และตรงกับความต้องการของลูกค้าให้มากกว่าสินค้าจากจีน
รวมถึงต้องคอยสังเกตเทรนด์การออกแบบของโลกด้วยว่ากำลังไปในทิศทางใด เพราะอย่างตลาดยุโรปที่แม้ว่าจะเน้นสีขรึมๆ แต่ปัจจุบันก็เริ่มมีความต้องการสินค้าที่มีสีสันเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ส่วนตลาดเอเชียก็เป็นตลาดที่เริ่มมีความสำคัญมากขึ้น และทางบริษัทก็ต้องเริ่มเจาะตลาดนี้ เพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจยุโรปและอเมริกายังไม่ฟื้นในเวลาอันสั้น ทำให้ต้องหันไปหาตลาดเอเชียแทน ซึ่งเราก็ต้องรู้ว่าตลาดเอเชียมีความต้องการสินค้าประเภทใดเหมือนกัน
ขณะที่ตลาดในประเทศไทย สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นของที่ระลึกตามโอกาส เช่น กล่องใส่แหวน ใส่เศษสตางค์ กรอบรูป ไม่ได้เป็นตลาดหลักเท่าไหร่นัก แต่ก็ถือว่าทำรายได้ได้ดีในช่วงเทศกาล
และเลเธอร์ มายน์ นี่คือ เอสเอ็มอีของคนไทย ที่ขอก้าวไกลไปต่างประเทศ ด้วยความไม่ยอมแพ้ และไม่หยุดนิ่ง คอยศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าอยู่ตลอด รวมถึงเปิดรับความคิดเห็นใหม่ๆ ของคนนอกเพื่อที่ตัวเองจะได้ก้าวยืนในธุรกิจนี้ได้อย่างมั่นคง และยืนนาน


