ออลซีซั่นส์ พร็อพเพอร์ตี้ ปรับทัพรับลักชัวรีแข่งขันสูง

ร่วม 8 ปี ที่อาคารออลซีซั่นส์ เพลส และโรงแรมคอนราด ภายใต้การลงทุนและบริหารจัดการของบริษัท ออลซีซั่นส์ พร็อพเพอร์ตี้

ปลุกกระแสให้ถนนวิทยุเป็นอีกหนึ่งทำเลทองที่ครบครันด้านสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจและสถานที่พักผ่อน และทำให้โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวแบรนด์อเมริกัน อย่างเชนคอนราด ก็มีความคึกคักไม่แพ้ย่านธุรกิจอื่นๆ ทำให้ แฟรงกี้ เปา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออลซีซั่นส์ พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง โดย เปา กล่าวถึงแผนการลงทุนใน 5 ปีข้างหน้าว่า เตรียมใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ปรับปรุงพื้นที่ทั้งระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทั้งหมดของกลุ่มให้มีความทันสมัย ทั้งการบริการและความปลอดภัย เพื่อรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในกลุ่มลักชัวรี ทั้งอาคารสำนักงาน โรงแรม เขตกรุงเทพฯ โดยเฉพาะบนถนนวิทยุและพื้นที่ใกล้เคียง

ทั้งนี้ บริษัทจะเริ่มปรับปรุงคอนโดมิเนียมจำนวน 40 ยูนิต โดยใช้งบประมาณการปรับปรุงเฉลี่ย 4-5 หมื่นบาท/ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2555 ส่วนพื้นที่อย่างร้านค้าเช่า เตรียมปรับภูมิทัศน์ให้มีความร่มรื่นของสิ่งแวดล้อม พื้นที่สีเขียวมากยิ่งขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ๆ อาคารที่จอดรถ ขณะที่โรงแรมคอนราดเตรียมปรับปรุงห้องพัก ล็อบบี้ รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงระบบออนไลน์ให้เข้าถึงนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นเพื่อรับกับพฤติกรรมการจองของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่นิยมใช้ช่องทางอินเทอร์เน็ตจองห้องพักเพิ่มขึ้น

การลงทุนในครั้งนี้เป็นการปรับโฉมใหญ่ในรอบ 8 ปีที่เปิดให้บริการ หากมองในแง่มูลค่าของที่ดิน ซึ่งราคาสูงขึ้นกว่า 4 เท่าเทียบกับช่วงที่ลงทุน บริษัทสามารถทำกำไรจากพื้นที่เช่าได้แล้ว แต่ยังไม่ถึงจุดคุ้มทุนการลงทุน โดยตั้งไว้ที่ 8-10 ปี คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เปา กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทมีจุดแข็งการมีสถานที่ตั้งย่านธุรกิจที่มีความครบวงจร ทั้งการบริการอาคารสำนักงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าบริษัทข้ามชาติด้านไอที การเงิน ฯลฯ การมีพื้นที่เช่าร้านค้าปลีก ร้านอาหารแบรนด์ดัง รวมถึงโรงแรมคอนราด ลูกค้าที่เข้าใจบริการจึงเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลาย ทั้งกลุ่มนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวทั่วไป

สำหรับผลประกอบการโรงแรมคอนราดปัจจุบันมีผลตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยว ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนไทยที่ใช้บริการการจัดประชุมสัมมนา (ไมซ์) สัดส่วน 60% อีก 40% เป็นนักท่องเที่ยวยุโรปและภูมิภาคเอเชีย อย่าง สิงคโปร์ เกาหลี โดยในปีนี้อัตราการเข้าพักระหว่างเดือน ม.ค.มิ.ย. เฉลี่ยที่ 60% ตลอดทั้งปีตั้งเป้า 60-65% เทียบกับปีที่ผ่านมา 50% ซึ่งมองว่าหากสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยอยู่ในภาวะปกติ ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นเหมือนช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา อัตราการเข้าพักของโรงแรมในปีหน้าจะเฉลี่ยกว่า 70% เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้าประเทศไทยอย่างคึกคัก

เปา กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีข้างหน้าการแข่งขันของธุรกิจลักชัวรี โฮเต็ล จะมีการแข่งขันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในด้านการลงทุนเปิดให้บริการใหม่ และการปรับตัวของรายเก่า หลังจากนั้นจะชะลอตัวลง และบริษัทคาดว่าแบรนด์คอนราดจะมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยสามารถปรับราคาห้องพักเฉลี่ย 6,000-6,500 บาท/คืน เทียบกับปัจจุบันราคาเฉลี่ยที่ 4,000-4,500 บาท/คืน ซึ่งคู่แข่งของคอนราด เช่น โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ โรงแรมโอกุระ เชนจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดให้บริการในปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ในโอกาสครบรอบ 8 ปี บริษัทจะทำบัตรเอเอสพี คลับ ร่วมกับร้านค้า ร้านอาหาร กว่า 100 ร้าน ร่วมมอบสิทธิพิเศษส่วนลด 30% ให้กับสมาชิกบัตร 2 ระดับ ได้แก่ ระดับไดมอนด์ ซึ่งสมาชิกบัตรในระดับนี้จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่บริษัทรับเชิญเท่านั้น และระดับโกลด์ เป็นกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการได้ตามเงื่อนไข ซึ่งสามารถสมัครเป็นสมาชิกได้ โดยปัจจุบันสมาชิกบัตรทั้งสองระดับมีราว 500 ราย แต่ในปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็นกว่า 1,000 ราย

วินเซนต์ เมอร์คูริโอ ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมคอนราด คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้าประเทศไทยในปีนี้เติบโตถึง 30% ทำให้จำนวนการเข้าพักดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งโรงแรมเคยมีอัตราการเข้าพักได้สูงสุดถึง 80% ในช่วง 3-4 ปีแรกที่เปิดให้บริการ

ทั้งนี้ โรงแรมคอนราดเตรียมเปิดให้บริการในประเทศไทยแห่งที่สองในวันที่ 1 ก.ย.นี้ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี รวมถึงเตรียมขยายแบรนด์ไปยังภูมิภาคเอเชียที่ดูไบ สาธารณรัฐประชาชนจีน มาเก๊า ตามลำดับ ทำให้โรงแรมมีแบรนด์และเครือข่ายด้านการตลาดที่มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

การปรับตัวครั้งใหญ่ของกลุ่มคอนราดครั้งนี้ แน่นอนว่าจะทำให้การแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บนถนนวิทยุระอุมากขึ้น และต้องจับตาดูว่าคู่แข่งระดับเดียวกันบนพื้นที่แห่งนี้จะปรับตัวรับมืออย่างไร อีกไม่นานคงได้เห็นกัน