170 ปี ความสัมพันธ์ไทย-สหราชอาณาจักร: อนาคตซอฟต์พาวเวอร์ไทยที่ดูไม่สดใสในเกาะอังกฤษ
มาตรการนำเข้าแรงงานต่างชาติที่เข้มงวดขึ้น และการบุกจับร้านนวดไทยในสหราชอาณาจักร ฉุดรั้งบรรยากาศที่ดีในปีที่ 170 ของความสัมพันธ์ไทย-สหราชอาณาจักร
ปี 2568 ถือเป็นปีครบรอบ 170 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นโอกาสพิเศษที่ทั้งสองประเทศได้ร่วมเฉลิมฉลองผ่านงานเลี้ยงรับรอง การแสดงทางวัฒนธรรม และคำมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
....ทว่าท่ามกลางบรรยากาศแห่งมิตรภาพอันยาวนานนี้ กลับเกิดเหตุการณ์สำคัญ 2 ประการในสหราชอาณาจักรที่ส่งผลกระทบต่อความพยายามของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ด้านการนวดไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2025 กระทรวงมหาดไทยของสหราชอาณาจักรได้ถอดอาชีพ "นักนวดบำบัดด้านการกีฬา" (Sports Massage Therapist) ออกจากรายชื่ออาชีพที่สามารถขอวีซ่าทำงานประเภท Skilled Worker ได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ถอดอาชีพ "นักนวดบำบัด" (Massage Therapist) ไปแล้ว ภายใต้กฎใหม่ ผู้ที่อยู่ในสหราชอาณาจักรอยู่แล้วและถือใบอนุญาตทำงานที่ยังมีผลบังคับใช้สามารถต่ออายุได้กับนายจ้างเดิมเท่านั้น ขณะที่ผู้สมัครรายใหม่ ไม่ว่าจะมีคุณสมบัติหรือประสบการณ์เพียงใด ก็ไม่สามารถยื่นขอได้อีกต่อไป
สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ การถอดถอนครั้งนี้สะท้อนการลดระดับอาชีพนักนวดให้ต่ำกว่าระดับ "แรงงานฝีมือ" ตามเกณฑ์การย้ายถิ่นฐานของสหราชอาณาจักร สำหรับนักนวดชาวไทยนับพันที่ผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มข้นในศาสตร์บำบัดของนวดแผนไทย สารที่ส่งถึงพวกเขานั้นชัดเจน: อาชีพของพวกเขาไม่ผ่านเกณฑ์อีกแล้ว
สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตำรวจเวสต์ยอร์กเชียร์และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของสหราชอาณาจักรได้บุกจับร้าน "Yonlada Thai Massage" ในเมืองฮัดเดอร์สฟิลด์ โดยสงสัยว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย ปฏิบัติการดังกล่าวนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัย 2 รายในข้อหาเกี่ยวข้องกับการควบคุมการค้าประเวณี และการควบคุมตัวหญิงไทย 4 คนที่ถูกพบว่าทำงานอย่างผิดกฎหมาย แม้คดีจะยังอยู่ระหว่างการสืบสวน แต่สื่ออังกฤษก็ได้เชื่อมโยง "นวดไทย" เข้ากับอาชญากรรมอย่างโจ่งแจ้ง สร้างภาพลักษณ์เชิงลบต่อธุรกิจสุขภาพของคนไทยนับพันที่ดำเนินงานอย่างมืออาชีพและถูกกฎหมายทั่วสหราชอาณาจักร
นี่คือความย้อนแย้งที่เจ็บปวด เพราะในปี 2562 ยูเนสโก (องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ) ได้ยกย่อง "นวดไทย" (Nuad Thai) ให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ แต่เพียงแค่ 6 ปีให้หลัง ศาสตร์บำบัดนี้กลับถูกผลักตกขอบโดยรัฐบาลของประเทศที่มีความสัมพันธ์มาเกือบ 2 ศตวรรษ ตกเป็นเหยื่อของภาพลักษณ์ด้านลบ การลดสถานะทางกฎระเบียบ และนโยบายที่ไม่สอดคล้องกัน
ในช่วงเวลาที่รัฐบาลไทยกำลังจัดงาน Splash Soft Power Forum ระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และวัฒนธรรมของไทย ทว่ามาตรการจากฝั่งสหราชอาณาจักรกลับเป็นอุปสรรคเฉพาะหน้าที่รอการแก้ไขในเร็ววัน
หนทางแก้ไขที่สร้างสรรค์อย่างหนึ่งอยู่ในเวทีการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทย-สหราชอาณาจักรที่กำลังดำเนินอยู่ แม้การเจรจาส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องการค้าสินค้า แต่ FTA นี้ยังสามารถเปิดทางสำหรับการเคลื่อนย้ายแรงงานและบริการ ซึ่งอาจเป็นช่องทางในการผลักดันให้ "นักบำบัดนวดแผนไทย" กลับมาได้รับการรับรองให้เป็นแรงงานฝีมือภายใต้กรอบทวิภาคีอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นแนวทางที่ผู้เขียนได้เสนอต่อ น.ส. แพทองธาร ระหว่างการหารือกับนักธุรกิจไทยและนักธุรกิจอังกฤษที่นำเข้าสินค้าไทย ระหว่างการเยือนกรุงลอนดอนในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
แม้ถูกสั่งพักงานจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธารยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเปิดทางให้สามารถผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมได้อย่างเต็มที่ มีศักยภาพในการปกป้องและปฏิรูปรากฐานวัฒนธรรมของไทย และช่วยให้ศาสตร์สุขภาพไทยไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่น่าชื่นชมเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบวิชาชีพนี้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ดี ประเทศไทยเองก็ต้องหันกลับมาทบทวนตัวเอง แม้นักนวดบำบัดชาวไทยจะมีทักษะเฉพาะทางอันยอดเยี่ยม แต่หลายคนยังติดขัดเรื่องทักษะภาษาอังกฤษและไม่มีใบรับรองที่ตรงตามมาตรฐานสากล หากประเทศไทยต้องการสร้างเศรษฐกิจสุขภาพให้เติบโตในระดับโลกจริง ๆ ก็จำเป็นต้องลงทุนในด้านการฝึกอบรมภาษา การรับรองวิชาชีพ และการปฏิบัติตามกฎระเบียบระหว่างประเทศ
ซอฟต์พาวเวอร์จะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อวัฒนธรรมของประเทศนั้นไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่ "ถูกชื่นชม" แต่ยัง "ถูกยอมรับอย่างลึกซึ้ง" ซึ่งการยอมรับนี้ต้องตั้งอยู่บนฐานของความเป็นมืออาชีพ ความน่าเชื่อถือ และการปฏิบัติตามกฎหมาย ปีแห่งการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-สหราชอาณาจักรนี้จึงควรเป็นมากกว่าการหวนรำลึกถึงอดีต แต่เป็นแรงผลักดันให้ซอฟต์พาวเวอร์ของไทยมีที่ยืนที่มั่นคงในอนาคต
นพพร วงศ์อนันต์ เป็นอดีตผู้สื่อข่าวที่ผันมาดำเนินกิจการร้านนวดไทยใจกลางกรุงลอนดอน


