“อย่าเอาความสะใจมาแลกกับชีวิตของคนชายแดน”
“อย่าเอาความสะใจมาแลกกับชีวิตของคนชายแดน” เสียงสะท้อนจากพื้นที่จริง ท่ามกลางความขัดแย้งที่ต้องใช้สติ ไม่ใช่อารมณ์นำทาง
ขณะที่ชายแดนไทยกัมพูชากำลังเป็นประเด็นร้อน
เสียงปืนยังไม่ดัง แต่เสียง “ปาก” ดังไปทั่วประเทศ
ไม่ใช่เสียงจากต่างแดน
แต่คือเสียงของ “คนในบ้าน”
ที่ใช้โซเชียลเป็นเวที ใช้ถ้อยคำเป็นกระสุน
ยิงใส่กันเอง โดยลืมไปว่า เรื่องนี้คือ “บ้านเมือง” ไม่ใช่ “มวยการเมือง”
เราไม่ได้แค่เผชิญแรงกดดันจากภายนอก
แต่ถูก “ปั่น” จากข้างในด้วยอารมณ์ ด้วยวาทกรรม ด้วยการเมืองรายวัน
ลองย้อนดูข้อเท็จจริงกันก่อน
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ไทย-กัมพูชาจัดประชุมทวิภาคีที่กรุงพนมเปญ
ทันทีหลังการหารือ ฝ่ายกัมพูชารีบแถลงข่าว
ส่วนไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ตอน 3 ทุ่ม
พอตอนเช้า ฮุนเซ็นกลับออกมาขู่ไทยกลางสื่อ
ขู่เรื่อง “ปิดชายแดน” และ “ไม่ไว้หน้า”
ทันที โซเชียลไทยร้อนฉ่า
สื่อบางสำนัก สาดคำว่า “ไทยอ่อนแอ” “หน่อมแน้ม” “ไม่ทันเกม”
ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือ เรา “ไม่เล่นตามเกม” ต่างหาก
ไทยไม่ทันเกมจริงหรือ?
หรือแค่ไม่ตกหลุมเกม
ของเขา?
ฮุนเซ็นเป็นเผด็จการ เขาพูดวันนี้ พรุ่งนี้ทุกสื่อของเขาต้องรายงานตาม
ไม่มีสภา ไม่มีฝ่ายค้าน ไม่มีใครตรวจสอบ
พูดจบคือคำสั่ง เพราะ
“เขาคือรัฐ และรัฐคือเขา”
แต่ไทยไม่ใช่แบบนั้น
ไทยคือประชาธิปไตย
ทุกคำตอบต้องผ่านระบบ ผ่านกลไก ผ่านหลักคิด และรับผิดชอบในระดับประเทศ
เราไม่ใช่ประเทศที่ “สะใจวันนี้ แล้วรับเคราะห์วันพรุ่งนี้”
รัฐบาลไทยอาจพูดช้า อาจไม่ได้โชว์แมนกลางโซเชียล
แต่สิ่งที่พูด “ต้องรับผิดชอบต่อผลในเวทีนานาชาติได้”
“อย่าเอาความสะใจ มาแลกกับความเสียหายของชาติ”
ถามหน่อย เราเสียดินแดนแล้วหรือ?
เขาบุกมายิงเราแล้วหรือ?
ยังไม่มีแม้แต่นัดเดียว แต่บางคนกลับพ่นคำไปไกลเกินกว่าสนามรบ
ทั้งที่ตอนนี้ มันยังไม่มี “กระสุนจริง” มีแต่ “น้ำลายปั่น”
และที่เดือดร้อนที่สุด ไม่ใช่คนในกรุงเทพฯ
ไม่ใช่นักปลุกกระแส แต่คือ พ่อค้าแม่ขาย ประชาชนชายแดน
ผู้มีรายได้จากการค้าขายข้ามแดนถึงปีละ เกือบ 200,000 ล้านบาท
วันนี้ปลาร้าก็ขายไม่ได้
ผลไม้ ก็ไม่ถึงตลาด
รถบรรทุกติดด่าน
สินค้าไทยถูกกัก คนชายแดนหายใจไม่ทั่วท้อง
เราจะเอาศักดิ์ศรีปลอมๆ บนโซเชียล
ไปแลกกับ “ข้าวในจาน” ของชาวบ้านอย่างนั้นหรือ?
ส่วนตัวผม ขอสนับสนุนท่าทีของรัฐบาลไทย ให้กำลังใจ
ในความสุขุม เยือกเย็น และเป็นผู้ใหญ่
เราเจรจาแล้ว เราส่งทูตแล้ว เราประสานงานทุกมิติแล้ว
เราไม่จำเป็นต้องโวยวายแข่งกับ “เสียงดังแต่ไร้สาระ”
นี่ไม่ใช่เวทีหาเสียง
นี่คือเวทีที่วัดกันด้วย “วุฒิภาวะของรัฐ”
ไทยไม่กลัวเขมร
ไทยไม่กลัวสงคราม
แต่ไทยควรกลัว “คนไทยที่ยอมเป็นเครื่องมือเกมการเมือง” มากกว่า
ความเป็นประเทศ ต้องมีทั้ง “ปาก” และ “ปัญญา”
อย่าเอาแต่สะใจ อย่าเอาแต่ศักดิ์ศรี เอามัน เอาไวรัล เป็นที่ตั้ง
อย่าลืมว่าเรายิ่งใหญ่กว่ากัมพูชาในทุกมิติเศรษฐกิจ ประชากร ระบบสากล
สิ่งที่เราน้อยกว่าพวกเขา มีเพียง “ความหยาบของวาทกรรมจากบางคน” เท่านั้น
สุดท้ายนี้ อยากถามคนไทยทั้งประเทศว่า
เราจะเอาสะใจ หรือเอาแผ่นดิน?
เราจะเลือกยอดแชร์ หรือเลือกชีวิตของพี่น้องชายแดน?
“อย่าเอาความสะใจมาแลกกับชีวิตของคนชายแดน”