posttoday

ก้าวย่างของเวียดนาม

04 ตุลาคม 2559

เวียดนามเป็นประเทศที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในบรรดาประเทศสมาชิกอาเซียน

โดย...วิมล ปั้นคง

เวียดนามเป็นประเทศที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในบรรดาประเทศสมาชิกอาเซียน เนื่องจากมีประชากรสูงถึง 90 ล้านคน เป็นประเทศที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2553
ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจตามแบบเสือเศรษฐกิจแห่งเอเชีย ทั้งเกาหลีใต้ และไต้หวัน เน้นการปฏิรูปกฎระเบียบทางการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะการยกเลิกการกำหนดสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศและส่งเสริมให้จังหวัดท้องถิ่นแข่งขันกันดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนเพื่อใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออก มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของเวียดนามเติบโตและมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยภาคการค้าระหว่างประเทศมีสัดส่วนสูงถึง 150% เมื่อเทียบกับมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ

รัฐบาลเวียดนามให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาภาคการศึกษา เยาวชนเวียดนามอายุต่ำกว่า 15 ปี มีความรู้และทักษะด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ในระดับดี กลยุทธ์สำคัญในการพัฒนาการศึกษา คือ การให้ความสำคัญกับการพัฒนาครูและการเพิ่มจำนวนครู แรงงานเวียดนามได้รับการพัฒนาทักษะมาอย่างต่อเนื่อง ระบบการผลิตภาคอุตสาหกรรมเวียดนามกำลังปรับตัวโดยมุ่งเน้นไปสู่การผลิตที่เน้นระบบอัตโนมัติมากขึ้น

เวียดนามกำลังมุ่งเป้าสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูงและกำลังเตรียมตัวเพื่อเป็นสมาชิกความตกลงทีพีพี โดยมีภารกิจที่สำคัญ คือ การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาวิสาหกิจของชาวเวียดนามให้สามารถเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตในประเทศให้มากขึ้น จากปัจจุบันมูลค่าการส่งออก 2 ใน 3 เป็นผลผลิตของบริษัทต่างชาติ

ความท้าทายสำคัญของเวียดนาม คือ การยกระดับความโปร่งใสภาครัฐ และลดการทุจริตทุกรูปแบบและทุกระดับ การลดการพึ่งพาการค้าและการลงทุนกับจีนที่มีปัญหาความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ การบริหารจัดการผลกระทบทางลบจากความตกลงทีพีพี ที่อาจเกิดขึ้นในภาคการเกษตร การพัฒนากลไกการกระจายผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจจากการค้าระหว่างประเทศไปยังคนส่วนใหญ่ของประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในการกระจายรายได้ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ความท้าทายประการสำคัญต่อมาของรัฐบาลเวียดนาม คือ การสื่อสารกับคนส่วนใหญ่ของประเทศให้เข้าใจผลดีของการลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากมีกรณีต่อต้านการเข้าไปลงทุนในธุรกิจบริการค้าปลีกของต่างชาติว่าเป็นการแย่งงานหรือทำให้สินค้าเวียดนามถูกทดแทนและขายได้น้อยลง

ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วการเปิดเสรีการลงทุนภาคบริการภายใต้การกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพของภาครัฐถือเป็นฐานสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตในอนาคต