เลือกตั้งท้องถิ่น วอร์มอัพก่อนถึงระดับชาติ
"ข้อเสนอให้ลดสมาชิก อบต. จะทำให้ลดลงจากเดิมได้ประมาณ 5 หมื่นคน ประหยัดงบประมาณ ค่าจ้าง 4,700 ล้านบาท/ปี จะได้นำเงินค่าจ้างเงินเดือนที่ลดลงนี้ไปพัฒนา เป็นงบลงทุนของ อบต.ที่จะได้ประโยชน์มากกว่า"
โดย...ธนพล บางยี่ขัน
เส้นทางสู่การเลือกตั้งเริ่มชัดเจนขึ้นตามคำประกาศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งยืนยันว่าทุกอย่างจะเดินหน้าตามโรดแมป พร้อมส่งสัญญาณจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนการเลือกตั้งระดับชาติ
สุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงทิศทางการจัดการเลือกตั้ง ว่า ที่ผ่านมา วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เชิญสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ปลัดอธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อถามความเห็นว่าควรเลือกตั้งระดับชาติหรือท้องถิ่นก่อนกัน
โดยส่วนใหญ่เห็นว่าควรเลือกตั้งระดับท้องถิ่นก่อน เพราะขณะนี้ อปท. 80-90% จาก 7,851 แห่ง หมดสมาชิกภาพแล้ว อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อเพราะคำสั่ง คสช. และช่วงเดือน พ.ค. 2561 สมาชิกท้องถิ่นจะครบวาระ 100% ทั้ง อบจ. อบต. เทศบาล เมืองพัทยา กทม.
"การเลือกตั้งท้องถิ่นจะเป็นประโยชน์เหมือนการวอร์มอัพของการเลือกตั้งระดับชาติ ทั้งให้เจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงาน ทั้งผู้ที่จะมีสิทธิเลือกตั้งทั้งหลายแหล่ได้เคาะสนิม เมื่อรู้ว่ามีข้อผิดพลาดบกพร่องจะได้ปรับแก้ เราเลยบอกว่าอยากให้เลือกระดับท้องถิ่นก่อน"
คำถามตามมาคือเมื่อเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนแล้วจะให้เลือกตั้งส่วนไหนก่อน หรือให้เลือกตั้งพร้อมกันหมด ซึ่งได้เสนอว่าเนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางรูปแบบคลุมพื้นที่ทับซ้อนอยู่กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบอื่น อย่าง อบจ.ที่คลุมพื้นที่เต็มจังหวัด
"เราก็อยากให้เลือก อบจ.ก่อน เป็นอย่างแรก โดยสามารถเลือกพร้อมกับ กทม.ได้ หลังจากนั้นจะเลือกทุกรูปแบบ ทั้ง พัทยา เทศบาล อบต. พร้อมกันอีกที ก็ไม่เป็นไร เพราะถ้าเกิดเลือก อบจ.พร้อมกับท้องถิ่นรูปแบบอื่น เช่น อบต. เทศบาล มันจะทำให้เกิดความสับสน เพราะบัตรเลือกตั้งต้องมีถึง 4 ใบ ในแต่ละประเภท มันก็จะซ้อนกันอยู่ที่จะทำให้ยุ่งวุ่นวายและอาจเกิดความผิดพลาดได้"
อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า ประเด็นเหล่านี้ได้เสนอไปในวันนั้น และที่ประชุมก็เห็นด้วย แต่ทั้งหลายทั้งปวงต้องขึ้นกับรัฐบาลและ คสช. รองนายกฯ วิษณุ พูดชัดว่าความคิดเห็นของเราก็เป็นข้อเสนอของผู้ปฏิบัติ คนที่เป็นฝ่ายประจำ ส่วนอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่รัฐบาลกับ คสช.
ถามถึงกรอบเวลาที่จะสามารถจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นได้ สุทธิพงษ์ กล่าวว่า อยู่ที่กฎหมายว่าจะปรับแก้ได้เสร็จเมื่อไหร่ ซึ่งในที่ประชุมวันนั้นบอกว่ามี 2 ลักษณะ คือ 1.ออกมาเป็นประมวลกฎหมาย ตามข้อเสนอของ สปท. ที่จะช้าและยุ่งยาก ซึ่งไม่เป็นไปตามที่นายกฯ ประกาศว่าจะเร่งรัดให้เลือกตั้งเร็ว หากอยากให้เลือกตั้งเร็วต้องเลิกคุยเรื่องการออกประมวลกฎหมายท้องถิ่นที่จะใช้เวลาเป็นปี
2.การปรับแก้เฉพาะส่วนที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีสองส่วนคือ เรื่องคุณสมบัติ ซึ่งผู้แทนกฤษฎีกา บอกว่าคณะกรรมการพัฒนากฎหมายขึ้นกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ยกร่างปรับแก้ พ.ร.บ.6 ฉบับไว้แล้ว ส่งมาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงมหาดไทยและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ความเห็น
ในส่วนของกรมเสนอผ่านไปยังกระทรวงมหาดไทยว่า ประเด็นคุณสมบัติให้ยึดตามคุณสมบัติของ สส. เพราะไม่ต้องคิดมาก คุณสมบัติของ สส.ถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 97-98 โดยคุณสมบัติผู้สมัครท้องถิ่นในมาตรา 252 ไม่มีรายละเอียด กำหนดคอนเซ็ปต์กว้าง ป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน ทุจริต
สาเหตุที่เสนอให้ปรับลดสมาชิกเพราะเห็นว่า อบต.บางแห่งใหญ่เกินไป มีความอุ้ยอ้ายเกินจำเป็น เช่น จ.อุบลราชธานี บาง อบต.มี 27 หมู่บ้าน มีสมาชิกสภา อบต. 54 คน สมุทรปราการ บาง อบต.มี 23 หมู่บ้าน มีสมาชิก 46 คน ซึ่งเยอะไป เราเห็นว่าหนึ่งหมู่บ้านมี 1,000 คน มีตัวแทน 1 คน กำลังดี ซึ่งจากที่คุยกับผู้นำท้องถิ่นก็เห็นด้วย แต่อยู่ที่รัฐบาลและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะเห็นด้วยหรือไม่
"ตามข้อเสนอไม่ได้เสนอให้ยุบเลิก เพียงแค่ให้ลดสมาชิก ซึ่งจะทำให้ลดลงจากเดิมได้ประมาณ 5 หมื่นคน จากเดิมที่มีประมาณ 1 แสนคน ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดงบประมาณ ค่าจ้าง 4,700 ล้านบาท/ปี สมัยหนึ่ง 4 ปี เป็นเงิน 1.88 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะได้นำเงินค่าจ้างเงินเดือนที่ลดลงนี้ไปพัฒนา เป็นงบลงทุนของ อบต.ที่จะได้ประโยชน์มากกว่า"
สุทธิพงษ์ กล่าวว่า จากที่คุยกันคร่าวๆ ในที่ประชุมว่าจะเลือกตั้งได้เมื่อไหร่นั้น คาดการณ์กันว่าเมื่อกฎหมายแก้ไขได้เสร็จเมื่อไหร่ก็บวกไป 45 วัน ก็จะเลือกตั้งได้ เพราะอิงตามกฎหมายเมื่อสภาหมดอายุก็ให้มีการจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน
คำนวณแล้วหากแก้ไขกฎหมายแบบน้อยๆ แก้เสร็จก็น่าจะตกเดือน มี.ค.-เม.ย. คร่าวๆ ก็น่าจะเลือกตั้งได้ในช่วงกลางปีหน้า แต่ทั้งหลายทั้งปวงต้องขีดเส้นใต้ว่านี่เราคิดกันเอง ในชีวิตจริงก็ขึ้นอยู่กับคนมีอำนาจหน้าที่ สภาก็ก้าวล่วงเขาไม่ได้ บอกให้ไปพิจารณา 3 วาระรวดก็ไม่ได้
แต่เมื่อรัฐบาลมีสัญญาณที่จะทำตามไทม์ไลน์ กระทรวงมหาดไทยมีเดดไลน์ส่งข้อเสนอกลับไปยังรัฐบาลและกฤษฎีกาวันที่ 4 ธ.ค. กลางปีหน้าก็น่าจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น อบจ.-กทม.ได้ จากนั้นสัก 45 วัน ค่อยเลือกตั้งท้องถิ่นในส่วนที่เหลือ เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกันในการหาเสียงเลือกตั้ง
"ที่เราคิดว่าต้องมีเลือกตั้งเร็วเพราะนายกฯ ประกาศชัดเจนต่อสาธารณะ อันนี้เราไม่ได้คิดเอง เราเชื่อสิ่งที่รัฐบาลประกาศ ดูสัญญาณรัฐบาลเร่งให้มีการปรับแก้กฎหมายอย่างง่าย หากแก้อย่างยากต้องออกเป็นประมวลกฎหมาย ซึ่งเวลานี้เริ่มมาประมาณครึ่งหนึ่งแล้ว ยกร่างมาแล้ว หลังรับฟังความคิดเห็นแล้วภายในสัปดาห์เดียวก็น่าจะนำเข้า ครม.ได้ ความเห็นที่เสนอไปก็ไม่ได้เห็นตรงข้าม เรื่องคุณสมบัติก็เห็นด้วย ส่วนข้อเสนอเรื่องจำนวน อบต.ก็ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อน หากรัฐบาลไม่เห็นด้วยก็ตัดทิ้ง"
อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า ประเด็นเรื่องความพร้อมสู่การเลือกตั้งขณะนี้ในพื้นที่พร้อมมานานแล้ว เหลือแต่ก็หมาย เพราะกรณีที่คนไม่ชอบผู้บริหารก็อยากเปลี่ยน หรือคนแพ้รอบที่แล้วก็อยากลงสมัครรอบใหม่
ถามว่าประเมินสถานการณ์บรรยากาศการเลือกตั้งท้องถิ่นที่เกิดขึ้นในยุค คสช.จะดุเดือดหรือไม่นั้น สุทธิพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็ไม่ดุเดือด ยิ่งปัจจุบันกฎหมายใหม่คุมเข้ม ทุกคนรู้อยู่แล้วว่า คสช.เอาจริง ใครกระทำการผิดกฎหมายก็เสี่ยงที่จะถูกจับได้ ติดคุก ถูกตัดสิทธิตลอดชีวิตตามรัฐธรรมนูญใหม่ ดังนั้น เชื่อว่าเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ทุกคนคงจะเคารพกติกา เพราะโทษรุนแรงขึ้น น่าจะทำให้สถานการณ์น่าจะดีขึ้น
ส่วนเงื่อนไขเรื่องที่ คสช.ยังไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองหรือกลุ่มต่างดำเนินกิจกรรมได้ในช่วงนี้ จะเป็นปัญหาต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ สุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในพื้นที่เขาก็ยังใช้ชีวิตปกติ คนไทย ไปงานบุญ งานวัด กินเลี้ยง งานแต่ง ใช้ชีวิตเหมือนเดิม
"บ้านเราเป็นเมืองเสรีโดยธรรมชาติ ถึงมีคำพูดสุภาษิตว่าทำไอะไรได้ตามใจคือไทยแท้ ไม่ว่าจะมีกฎหมายหรือคำสั่งยังไง แต่ชีวิตคนก็ยังมีอิสระในระดับที่สูง ยกเว้นเรื่องกฎหมายที่ห้ามเรื่องการชุมนุมทางการเมือง เผลอๆ บอกเลือกตั้งพรุ่งนี้เขาก็ยังพร้อม เพราะเขาทำดีกับชาวบ้านตลอด"
สำหรับเรื่อง กกต.ชุดใหม่ที่จะเข้ามาจัดการเลือกตั้งนั้น อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า กระบวนการเลือก กกต.ชุดใหม่จะมีความชัดเจนในวันที่ 20 ธ.ค. ซึ่ง กกต.ชุดเก่าก็มีอำนาจอยู่แล้วในการจัดการเลือกตั้ง เมื่อได้ตัวจริงเสียงจริงดำเนินการก็มีความชัดเจนมากขึ้น
"แม้จะอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านแต่ไม่น่ามีปัญหา กกต.พร้อมตลอด เพราะ กกต.เองไม่ได้มีเฉพาะ 5 เสือ มีฝ่ายประจำที่เชี่ยวชาญทำงานอยู่แล้ว ไม่น่าห่วง และถ้าได้ผู้บริหารสูงสุดขององค์กร มีตัวจริงก็จะดีกว่า" สุทธิพงษ์ กล่าว


