posttoday

เปิดใจ"ผู้ว่าฯสงขลา"นาทีเจรจาม็อบบุกศาลากลาง

28 พฤศจิกายน 2556

เปิดใจผู้ว่าฯสงขลา "ผมต้องเจรจาเพื่อสกัดมิให้เกิดความรุนแรง ผมเป็นข้าราชการไม่มีแบ่งฝ่าย"

โดย...ทีมข่าวภูมิภาค

เป็นเรื่องฮือฮาในสื่อสังคมออนไลน์ ที่เผยแพร่ภาพ นายกฤษฎา บุญราช ผวจ.สงขลา ยืนปราศรัยอยู่บนรถติดเครื่องขยายเสียง พร้อมบรรยายว่า ผู้ว่าฯ สงขลา นำม็อบบุกเข้าศาลากลางด้วยตนเอง ซึ่งหลังจากเผยแพร่ไปในวงกว้าง ก็มีทั้งเสียงปรบมือและตำหนิ

ผู้ว่าฯ กฤษฎา เปิดใจนาทีเผชิญหน้ากับม็อบ เล่าถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ว่าไม่ได้เป็นไปตามที่สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ทั้งหมด

“ผมคงพาคนบุกศาลากลางไม่ได้ เพราะเป็นความผิดวินัยร้ายแรง แต่สิ่งที่ผมทำไปก็เพื่อป้องกันมิให้เกิดความรุนแรง พวกที่ชอบก็ชื่นชม พวกที่ไม่ชอบก็ตำหนิผม แต่ผมไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง

ช่วงกลางคืน(26 พ.ย.) มีชาวบ้านมาชุมนุมกันที่หน้าศาลากลางประมาณ 200 คน ผมก็ลงไปบอกให้อย่าเพิ่งเข้ามา เพราะเป็นยามวิกาล ให้มากลางวันเถอะ เขาก็ยอมกลับกันไป

พอรุ่งเช้า 27 พ.ย. 11.00 น. ก็มากันเยอะประมาณ 4,000 คน มีนักเรียน นักศึกษา อาจารย์เป็นหลัก จะขอเข้ามาในศาลากลาง ตอนนั้นมีตำรวจ อส. ดูแลความปลอดภัยศาลากลางประมาณ 300 นาย ข้างในก็มีการวางลวดหนามทั้งหมดแล้ว ผู้ชุมนุมจะเข้ามาให้ได้ ผมก็ขอเชิญแกนนำมาคุยกันบนศาลากลาง

ฝ่ายแกนนำก็บอกว่าศาลากลางสร้างจากภาษีของประชาชน ยังไงก็จะเข้ามาให้ได้ ผมก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นอย่าเข้ามาในตัวศาลากลางเลย เอาแค่สนามหน้าศาลากลาง เพื่อป้องกันไม่ให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย เขาก็ยอมแต่ขอให้ผมไปเจรจากับชาวบ้านเอง ผมก็ตกลง

ผมไปหาชาวบ้านพร้อมกับรองผู้ว่าฯ  ปลัดจังหวัด และฝ่ายตำรวจ ทีแรกตำรวจจะให้ชุดปราบจลาจลตามไปด้วยอีก 6 นาย แต่ผมเกรงว่ามันจะดูแข็งไปก็เลยบอกว่าไม่ต้องตามไป

พอไปพบชาวบ้านผมก็ขึ้นไปบนรถ เขาก็เอานกหวีดมาคล้องคอให้ผม ขอให้เป่านกหวีด ผมก็เป่าไปปรี๊ดนึง แล้วก็เริ่มพูดกับชาวบ้าน บอกเขาว่า ศาลากลางจังหวัดทั้งหลังเก่าและใหม่ เป็นสถานที่ซึ่งพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ เคยเสด็จพระราชดำเนินมาแล้วหลายครั้ง ขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันดูแลรักษาอย่าให้เกิดความเสียหาย

จากนั้นผมก็โบกมือให้ชาวบ้านที่ขวางอยู่ประตูทางเข้าให้หลีก บอกว่าถ้าจะเข้าไปก็ให้มาอยู่หลังรถ อยู่ข้างหลังผม จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิด

ผมต้องเจรจาเพื่อสกัดมิให้เกิดความรุนแรง ผมเป็นข้าราชการไม่มีแบ่งฝ่าย และสิ่งที่ผมทำไปทำให้ศาลากลางสงขลา เป็นหนึ่งในศาลากลางไม่กี่แห่งในภาคใต้ที่ยังเปิดทำการได้ พอพูดคุยกับชาวบ้านเสร็จแล้วก็รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ซึ่งผู้บังคับบัญชาก็เข้าใจดี

ก็แค่ยอมให้ประชาชนเข้ามาชุมนุมในศาลากลาง แต่ไม่มีการสั่งให้ตำรวจออกไป หรือสั่งตั้งเต้นท์ทำอาหารเลี้ยงชาวบ้านอย่างที่สื่อโซเชียลมีเดียเผยแพร่กัน

ผมเป็นผู้ว่าฯสงขลามา 2 ปี ผ่านการชุมนุมของชาวบ้านมาแล้ว 3 ครั้ง ทุกครั้งก็ผ่านไปด้วยดี ซึ่งจะเห็นได้ว่าแม้แต่ม็อบยางพาราก้ไม่มีการปิดถนนในพื้นที่จ.สงขลา เพราะผมยึดหลักความไว้วางใจ เปิดใจคุยกัน มีปัญหาอะไรก็มาคุยกัน ผมจะได้ประสานส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาช่วยแก้ปัญหา แกนนำที่มาชุมนุมครั้งนี้หลายคนเคยนั่งคุยเจรจาแล้วถลึงตาใส่กันมาก่อน แต่สุดท้ายเราก็จับมือกันได้ ผมบอกกับคนสงขลาว่า ผมเป็นคนแปดริ้ว อีก 4 ปีผมก็เกษียณ แต่คนสงขลาอยู่ที่นี่ตลอด ก็ควรที่จะมาพูดจาหาทางออกแก้ปัญหากันดีๆ

ผมเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีเบื้องหลังอะไรทั้งนั้น”