เจาะเทรนด์ AI ปี 2026 การควบคุม ความมั่นคง และความเป็นมนุษย์

ปี 2025 เป็นปีที่หนักหนาทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมสำหรับทั่วโลก แต่สำหรับแวดวงเทคโนโลยีโดยเฉพาะ AI ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว  นับแต่การมาถึงของ Deepseek R1 ช่วงต้นปี ที่พลิกโฉมวงการและสมรภูมิการแข่งขันไปโดยสิ้นเชิง เปลี่ยนจีนให้กลายเป็นอีกหนึ่งมหาอำนาจทางเทคโนโลยีที่ต้องจับตา

 

วันนี้เราจึงมาพูดถึงกันเสียหน่อยว่า แนวโน้มเทคโนโลยี AI ในปี 2026 มีอะไรบ้าง

 

 

1. ปีแห่ง Agentic AI อย่างเต็มรูปแบบ

 

ช่วงปีที่ผ่านมาเราได้เห็นข่าวการเปิดตัว Agentic AI ของหลายบริษัท เช่น OpenAI, Google, Microsoft บางส่วนเริ่มนำระบบนี้ไปใช้งานภายในองค์กร ทั้งในส่วนการเขียนโค้ด ตอบคำถาม ไปจนให้ความช่วยเหลือลูกค้า เพิ่มความสะดวกและลดระยะเวลาในการปฏิบัติงาน แต่ยังจำกัดขอบเขตอยู่เพียงเฉพาะงาน ต้องมีคนมาคอยควบคุมดูแลภาพรวมอีกที

 

ในปี 2026 เทคโนโลยีนี้จะก้าวหน้าไปอีกขั้น จากเดิมที่เราต้องคอยเชื่อมและประสานงานระหว่าง AI แต่ละตัว หรือคอยตรวจสอบกระบวการทำงานป้องกันการเกิดปัญหา Agentic AI จะได้รับการพัฒนาให้สามารถสื่อสาร เชื่อมต่อ และประสานระหว่างกันได้ พร้อมมีระบบตรวจสอบคอยดูแลคล้ายกับระบบตรวจสอบคำตอบใน AI Chatbot

 

นั่นจะทำให้ในปีหน้า AI จะมีความน่าเชื่อถือและเป็นอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น เพื่อให้พร้อมสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมจริง

 

 

2. AI อยู่รอบตัวเรา

 

สิ่งที่เราเห็นได้ชัดคือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้งานเริ่มมีฟีเจอร์ AI เช่น ระบบค้นหาข้อมูล นำทาง ไปจนแปลภาษา เพิ่มความสะดวกสบายในการทำงานและใช้ชีวิต กลายเป็นเทคโนโลยีที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้สะดวก และในปีหน้าเราจะได้เห็น AI เข้าไปอยู่ในระบบที่มีความสำคัญยิ่งขึ้น

 

ในปี 2026 เราจะพบเห็น AI ทางการแพทย์ คอยช่วยอ่านค่าและตรวจวินิจฉัยโรคมากขึ้น เข้าสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน ช่วยวิเคราะห์ปริมาณลมและแสงแดดเพื่อคำนวณอัตราการผลิตพลังงาน ไปจนการรับมือภัยพิบัติที่จะช่วยประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์แบบเรียลไทม์

 

เรียกได้ว่า AI จะไม่เพียงเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน แต่อาจมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนของสังคมเลยทีเดียว

 

 

3.การโฆษณาและส่งเสริมการขายด้วย AI

 

นี่เป็นเรื่องที่เราได้เห็นกันมาบ้างแล้วโดยเฉพาะจากทาง OpenAI กับการเปิดตัว App Directory ที่เปิดให้นักพัฒนภายนอกเข้ามาเชื่อมต่อและสามารถเรียกใช้งานผ่าน ChatGPT ได้โดยตรง หลังจากเปิดให้แพลตฟอร์มเจ้าดังอย่าง Expedia, Spotify, Zillow และ Canva เข้ามาใช้งาน และเป็นอีกหนึ่งหนทางสร้างรายได้สำคัญ

 

เชื่อว่าในปี 2026 นี้ทาง OpenAI จะยิ่งผลักดันการสร้างรายได้ผ่าน ChatGPT มากยิ่งขึ้น ครอบคลุมไปถึงการโฆษณาและเสนอขายสินค้า เพื่อสร้างเม็ดเงินและความมั่นใจให้แก่นักลงทุนแก่อนาคตของบริษัท และเมื่อมีเจ้าหนึ่งเปิดทางบริษัท AI น้อยใหญ่จะเริ่มทำตาม จนอาจทำให้แนวโน้ม AI Chatbot เป็นไปเชิงพาณิชย์และส่งเสริมการขายมากยิ่งขึ้น

 

 

4.ลาก่อนโมเดลขนาดใหญ่ สู่โมเดลขนาดเล็กแต่ละเอียด

 

ความพยายามในการพัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ขีดความสามารถครอบจักรวาลเริ่มถึงทางตัน เห็นได้ชัดจากโมเดลรุ่นล่าสุดของบรรดาบริษัทใหม่ที่สร้างความแตกต่างจากโมเดลรุ่นเก่าไม่มาก ChatGPT ไม่ได้ครองความเป็นหนึ่งในตลาดอีกต่อไป ประกอบกับข้อมูลที่ใช้ในการเทรนโมเดลและฮาร์ดแวร์ก็ถึงขีดจำกัด จึงเริ่มมีแนวคิดว่าโมเดลขนาดใหญ่กำลังถึงทางตัน

 

ในทางกลับกันโมเดลขนาดเล็กที่โดดเด่นและมีคุณสมบัติเฉพาะเริ่มได้รับการพูดถึงมากขึ้น อีกทั้งทิศทางการพัฒนาโมเดลขององค์กรที่ไม่ได้ต้องการผู้เก่งกาจรอบด้าน แต่อาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านใดด้านหนึ่ง ทำให้ทิศทางการพัฒนาในปี 2026 อาจเป็นการจัดสร้างโมเดล AI ขนาดเล็กหรือกลางไว้รองรับงานแต่ละสาขาเป็นหลัก

 

 

5.โค้ด AI ความสะดวกที่ราคาแพงกว่าที่คิด

 

 ส่วนนี้เกี่ยวข้องกับงานสายโปรแกรมเมอร์โดยตรง ความก้าวหน้าของ AI ในช่วงปีที่ผ่านมาเห็นชัดจากขีดคามสามารถในการเขียนและแก้ไขโค้ด จนการนำ AI มาใช้เป็นผู้ช่วยเกิดขึ้นทั่วไปในวงการ ถึงขั้นมีการบัญญัติคำศัพท์ Vibe coding ที่อาศัยปัญญาประดิษฐ์ในการเขียนโปรแกรม โดยที่ผู้เขียนไม่มีความรู้ความเข้าใจด้านนี้มากนัก

 

อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองว่า สิ่งนี้จะกลายเป็น หนี้ทางเทคนิค(Technical Debt) ในภายหลัง จากการที่ AI อาจทำการสร้างโค้ดที่ไม่มีคุณภาพและไม่ได้ปรับแก้ให้ถูกต้อง เมื่อปัญหาพอกพูนมากเข้าอาจนำไปสู่ความซับซ้อนยุ่งยากในการแก้ปัญหาที่มีมูลค่าความเสียหายมหาศาลได้

 

 

6.การควบคุมทางกฎหมายทวีความเข้มข้น

 

ประเด็นทางกฎหมายกับ AI เป็นสิ่งที่เราได้เห็นกันทั่วไปโดยเฉพาะประเด็นด้านลิขสิทธิ์ แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ กฎหมายควบคุม AI ที่เริ่มมีการร่างและใช้งานในบางประเทศ เช่น สหภาพยุโรป จีน หรือบางมลรัฐในสหรัฐฯ แม้จะเชื่องช้ากว่ามาก แต่กฎหมายก็พยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ก้าวทันโลกอยู่เสมอ

 

นั่นทำให้ AI กับประเด็นทางกฎหมายในปี 2026 อาจถูกพลิกโฉมไปอีกครั้ง ลิขสิทธิ์ที่ฟ้องร้องกันหัวร้างข้างแตกอาจไม่ใช่ประเด็นหลักอีกต่อไป จากการที่บริษัทสื่อหลายแห่ง ตั้งแต่ Disney จับมือ OpenAI, Lionsgate จับมือ Runway, Warner Music Group (WMG) จับมือ Suno ฯลฯ อาจทำให้ประเด็นด้านนี้ห่างหายไปจากชั้นศาล

 

สวนทางกับประเด็นการควบคุมทางกฎหมาย เช่น ในสหภาพยุโรป ที่เริ่มมีแนวคิดหลักเกณฑ์ในการผ่อนผันข้องบังคับอย่างจริงจัง เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทเทคโนโลยีในภูมิภาค สามารถเติบโตทัดเทียมกับต่างชาติได้

 

 

7. ความมั่นคงและอธิปไตยทาง AI

 

เมื่ออุปกรณ์และข้าวของเครื่องใช้รอบตัวขับเคลื่อนด้วย AI สิ่งที่น่าตั้งคำถามคือ เมื่อโครงสร้างพื้นฐานและระบบทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยโมเดล AI จากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่อยู่ต่างประเทศ นำไปสู่การตั้งคำถามว่า โมเดล AI เหล่านี่มีความมั่นคงแค่ไหน โดยเฉพาะในยุคที่ปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างมหาอำนาจรุนแรงขึ้นทุกที

 

นั่นทำให้แนวโน้มปี 2026 จะเป็นก้าวแรกที่หลายประเทศเห็นความสำคัญของ อธิปไตยทางเทคโนโลยี เห็นได้จากความพยายามจัดสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ในแต่ละประเทศ ซึ่งประเด็นนี้จะทวีความเข้มข้นและอาจนำไปสู่การพัฒนาโมเดล AI หรือโรงงานผลิตชิปภายในแต่ละประเทศหรือภูมิภาคต่อไป

 

 

8.สู่ช่วงเวลาที่เราโหยหาความเป็นมนุษย์

 

นี่อาจเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด เมื่อบนโลกอินเทอร์เน็ตเราไม่แน่ใจอีกต่อไปว่า ข้อมูลที่ผ่านตาอันไหนเป็นของจริง และผลงานใดที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ เมื่อผลงานที่ผลิตขึ้นมาจาก AI ทั้งในส่วนข้อความ ภาพ เสียง วีดีโอ หรือแนวคิด ล้วนประดิษฐ์ขึ้นมาจาก AI ซ้ำ ๆ จนเกิดข้อมูลขยะปริมาณมหาศาลเป็นที่มาของคำว่า AI slop

 

ปี 2026 อาจกลายเป็นกระแสที่ผู้คนเริ่มหันกลับมาโหยหาและสนใจชิ้นงานที่เป็นมนุษย์มากยิ่งขึ้น งานละเอียดอ่อนสร้างมือที่อาจไม่สมบูรณ์แบบแต่มีเอกลักษณ์และแนวทางเฉพาะตัว กรณีเดียวกับที่ตลาดสื่อสิ่งพิมพ์ยังคงประคองตัวอยู่ได้ภายใต้สถานการณ์ที่อีบุ๊คและอินเทอร์เน็ตเข้าถึงง่ายกว่า เช่นเดียวกับองค์กรที่ต้องการคนมีความสามารถตัดสินใจรับมือปัญหาเฉพาะหน้าได้ชัดเจน แทนที่จะพึ่งพาเครื่องมือหรือปัจจัยภายนอกแบบ AI อย่างเดียว

 

 

 

ในปี 2026 เราไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามว่า AI จะเข้ามาในชีวิตของเรามากแค่ไหน เพราะเราทราบคำตอบแล้วว่า มันจะเข้ามามีส่วนในทุกระดับและสร้างผลกระทบครั้งใหญ่ ที่ต้องทำตอนนี้คือ กำหนดกรอบ แนวทาง และกติกาไว้ล่วงหน้า เพื่อยับยั้งหรือบรรเทาผลกระทบรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 

 

 

ที่มา

 

https://www.thestorythailand.com/10/12/2025/169620/

 

https://www.usaii.org/ai-insights/top-10-ai-trends-to-watch-in-2026

 

https://techsauce.co/tech-and-biz/gartner-genai-blind-spots-cio-warning-2025

 

https://www.posttoday.com/ai-today/735283

 

https://www.posttoday.com/ai-today/734311

 

https://www.posttoday.com/ai-today/733271