ตำรวจท่องเที่ยวโชว์ กล้อง AI จับคนร้าย 700 ราย ยกระดับความปลอดภัย
ยกระดับความปลอดภัยด้วย AI อัจฉริยะ ตร.ท่องเที่ยวเผยยอดจับกุมทะลุ 700 ราย สแกนใบหน้าแม่นยำแบบ Real-time สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวทั่วโลก
กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการนำเทคโนโลยีกล้องตรวจจับใบหน้าอัจฉริยะ (AI Facial Recognition) มาใช้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยว โดยเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ที่ผ่านมา ระบบอัลกอริทึมสามารถตรวจจับและนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ครบ 700 ราย สะท้อนถึงประสิทธิภาพของนวัตกรรมที่สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวทั่วโลก
หัวใจหลักของระบบคือการเชื่อมโยงฐานข้อมูล Big Data หมายจับแบบเรียลไทม์ (Real-time) ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ผ่านเครือข่ายกล้อง AI ที่ติดตั้งแล้วใน 18 สถานีและกำลังขยายให้ครบ 32 สถานีทั่วประเทศ เทคโนโลยีนี้ช่วยให้เจ้าหน้าที่คัดกรองบุคคลเฝ้าระวังได้อย่างแม่นยำ ลดความผิดพลาดของมนุษย์ และเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมยุคดิจิทัล
ล่าสุดเทคโนโลยี AI ได้พิสูจน์ความแม่นยำอีกครั้ง ณ สถานีตำรวจท่องเที่ยวนครราชสีมา (โคราช) ด้วยการแจ้งเตือนจนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหารายที่ 700 และ 701 ได้สำเร็จ ส่งผลให้โคราชเป็นพื้นที่นำร่องที่ใช้งานระบบได้โดดเด่นที่สุดด้วยยอดจับกุมสูงถึง 274 ราย แสดงให้เห็นถึงการบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับยุทธวิธีของเจ้าหน้าที่สืบสวนและสายตรวจได้อย่างไร้รอยต่อ
พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. ย้ำวิสัยทัศน์ว่าเทคโนโลยีนี้ไม่ใช่เพียงเครื่องมือติดตาม แต่เป็นกลไกป้องปรามเหตุร้ายเชิงรุก (Proactive Deterrence) โดยกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าพัฒนาระบบนิเวศความปลอดภัยด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของไทยให้เป็น Smart Safety Zone สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง