ซีอีโอ Nvidia มั่นใจ กองทัพแผ่นดินใหญ่ ไม่ใช้ชิป AI สหรัฐฯ แน่

 

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Jensen Huang ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nvidia ออกมาให้ความเห็นว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่จำเป็นต้องหนักใจว่ากองทัพจีนจะนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปใช้พัฒนาศักยภาพทางทหารแต่อย่างใด

 

ซีอีโอ Nvidia ได้กล่าวถึงประเด็นหลักที่กรุงวอชิงตันมักจะหยิบยกขึ้นมาเป็นเหตุผลในการเพิ่มข้อจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ไปยังประเทศจีน

 

โดยเขาชี้ว่า กองทัพจีนจะหลีกเลี่ยงการใช้เทคโนโลยีจากฝั่งสหรัฐฯ เพราะมีความเสี่ยงสูงหากต้องพึ่งพาสิ่งที่อาจถูกจำกัดได้ตลอดเวลา

 

"เราไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรเลย" เขากล่าวในรายการ Fareed Zakaria GPS ของ CNN เมื่อวันอาทิตย์  “พวกเขาจะหวังพึ่งพาชิป AI สหรัฐฯ ได้อย่างไร ในเมื่อมันอาจถูกจำกัดการใช้งานขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้"

 

ภายใต้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทรงพลังที่สุดของจีน ทำให้ทั้ง Nvidia และบริษัทคู่แข่งต้องสูญเสียรายได้ไปแล้วหลายพันล้านดอลลาร์

 

รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงยืนกรานว่าการอนุญาตให้จีนเข้าถึงส่วนประกอบประสิทธิภาพสูงเหล่านี้ได้อย่างอิสระจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ

 

อย่างไรก็ตาม ซีอีโอของ Nvidia ซึ่งเพิ่งเดินทางเยือนกรุงวอชิงตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนจะเดินทางต่อไปยังกรุงปักกิ่ง ได้ให้ความเห็นแย้งว่า

 

กลยุทธ์ดังกล่าวอาจไม่ประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้จีนเร่งพัฒนาศักยภาพด้าน AI ภายในประเทศของตนเอง

 

ซึ่งท้ายที่สุดแล้วอาจก้าวขึ้นมาทัดเทียมกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ได้

 

Nvidia และบริษัทอื่น ๆ จึงเห็นว่าควรอนุญาตให้บริษัทสหรัฐฯ สามารถส่งออกสินค้าไปยังตลาดเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างจีนได้

 

เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขายังคงเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนา AI ของโลกต่อไป

 

Huang ได้เข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อย้ำถึงเหตุผลของเขา และได้กล่าวชื่นชมการผลักดันของรัฐบาลชุดนี้ที่ต้องการเพิ่มการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ

 

เพราะปัจจุบัน Nvidia และบริษัทอื่นๆ ยังคงต้องพึ่งพาโรงงานผลิตของ Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. (TSMC) ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในไต้หวัน ใกล้กับจีนแผ่นดินใหญ่

 

แม้ทรัมป์จะเคยยกย่องความสำเร็จของ Nvidia ในฐานะบริษัทอเมริกันแห่งแรกที่มีมูลค่าตลาดพุ่งสูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์

 

และแม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการหารือกันที่ทำเนียบขาวต่อสาธารณะ

 

แต่จนถึงขณะนี้ท่าทีของทั้งสองพรรคการเมืองในสหรัฐฯ ก็ยังคงแข็งกร้าว ไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนปรนให้บริษัทจีนเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้นแต่อย่างใด