ผลสำรวจชี้องค์กรไทยตื่นตัว AI ห่วงขาด "คน" เร่งออกจริยธรรมใช้งาน
องค์กรไทยขานรับ AI ขณะที่เอกชนห่วงขาดแคลนบุคลากรเฉพาะทาง วอนรัฐเร่งสร้างคน จับตาความคืบหน้ากฎหมายจริยธรรม AI ที่กำลังเปิดรับฟังความเห็นทุกภาคส่วน
รจนา ล้ำเลิศ หัวหน้าทีมศูนย์ AI Governance Center (AIGC) และที่ปรึกษาสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า จากผลการสำรวจความพร้อมในการประยุกต์ใช้ AI ขององค์กร ระหว่างปี 2566-2567 พบว่า สัดส่วนองค์กรที่เริ่มนำ AI มาปรับใช้แล้ว เพิ่มขึ้นจาก 15.2% ในปี 2566 เป็น 17.8% ในปี 2567
ขณะที่องค์กรที่มีแผนที่จะใช้ AI ก็เพิ่มขึ้นจาก 56.6% ในปี 2566 เป็น 73.3% ในปี 2567 ในทางกลับกัน สัดส่วนองค์กรที่ยังไม่มีความต้องการใช้ AI และต้องการการสนับสนุนก็ลดลงอย่างมากจาก 28.2% เหลือเพียง 8.9% ส่วนตัวเลของค์กรที่มีความตระหนักถึงการนำ AI มาใช้งาน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ในระดับ 45.3% เป็น 55.1% ในปี 2567
ทั้งนี้ องค์กรในประเทศไทยมีความพร้อมที่ดีและมีการวางแผน AI ที่ชัดเจน ทั้ง 5 ด้านคือ 1. ความพร้อมด้านข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐาน 2. ความพร้อมด้านบุคลากร 3. ความพร้อมด้านยุทธศาสตร์และความสามารถขององค์กร 4. ความพร้อมด้านธรรมาภิบาล และ 5. ความพร้อมด้านเทคโนโลยี
สำหรับเป้าหมายในการนำ AI มาใช้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ใน 6 ด้าน ประกอบด้วย
1. การใช้ AI ควรส่งเสริมการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและสร้างประโยชน์ต่อประชาชนในวงกว้าง ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
2. AI ต้องได้รับการออกแบบและใช้งานให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายและจริยธรรม โดยยึดหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลาง และเคารพสิทธิมนุษยชน
3. AI ต้องสามารถอธิบายได้ มีระบบการติดตาม ตรวจสอบย้อนหลังได้
4. การพัฒนา AI ต้องคำนึงถึงการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์
5. หลีกเลี่ยงอคติของข้อมูลและอัลกอริธึ่ม ส่งเสริมความหลากหลายและให้ความสำคัญกับการปกป้องกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้ AI เป็นเครื่องมือที่สร้างประโยชน์อย่างทั่วถึง
6. ควบคุมกระบวนการพัฒนา AI ให้มีความแม่นยำ น่าเชื่อถือ และสามารถปรับปรุงต่อเนื่อง
หน่วยงานได้เร่งผลักดันให้องค์กรและหน่วยงานให้ความสำคัญของการพัฒนา AI และอยากให้มองว่า AI Governance ไม่ใช่ภาระแต่เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น ซึ่งบทบาทการขับเคลื่อนของศูนย์ AIGC ทำหน้าที่เป็นศูนย์ให้ความช่วยเหลือและเตรียมความพร้อมองค์กรในการประยุกต์ใช้ AI
นอกจากนี้ประเทศไทยยังให้ความสำคัญกับประเด็นแนวทางธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ เป็นกลไกกำหนดนโยบาย ขั้นตอนปฏิบัติ เครื่องมือในการปฏิบัติงาน ตลอดจนการวิเคราะห์ความเสี่ยงการใช้ AI เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน รวมทั้งเป็นกลไกส่งเสริมผู้พัฒนาและผู้ประกอบการด้าน AI สู่การประยุกต์ในภาคอุตสาหกรรมของประเทศอย่างมีจริยธรรม โปร่งใส และความรับผิดชอบ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยกำลังออกหลักการกฎหมายเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) อยู่ระหว่างขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะ (Public Hearing)
เร่งสร้างบุคลากร ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล
ด้านขจรพงษ์ อัครจิตสกุล AI Technology Expert บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัญหาในการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นดิจิทัล และ AI Transformation อยู่ที่การขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการทำงานและการพัฒนาระบบ ทำให้ปัจจุบันต้องร่วมกับสถาบันการศึกษาในการสร้างหลักสูตร ที่สร้างบุคลากรตอบโจทย์กับความต้องการบุคลากรด้านนี้ขององค์กร
ในขณะเดียวกันบริษัทได้มีการพัฒนาบุคลากรด้าน AI ในรูปแบบของ Working Group เพื่อสร้าง AI Champion ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของบริษัทในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้มีการนำ AI มาใช้ในการพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์ และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้สามารถลดต้นทุนในการผลิตและมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น
ขณะที่อรนุช เลิศสุวรรณกิจ CEO & Co-Founder Techsauce Media กล่าวว่า ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีในเรื่องของดิจิทัล แต่เรามีปัญหาในเรื่องของการบริหารจัดการข้อมูล เราไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ เพราะเราขาดบุคลากรที่มีความรู้และความเข้าใจในการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของบุคลากรด้านดิจิทัล และ AI แต่ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก มีปัญหาที่ขาดแคลนทั้งทุนและบุคลากรในด้านนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเข้ามาสนับสนุน
เพราะเทคโนโลยี AI ในปัจจุบันสามารถนำมาใช้ในการขับเคลื่อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของหลายอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันมีการนำมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้ง ด้านสุขภาพ เกษตรกรรม รวมไปถึง ภาคอุตสาหกรรม ถ้าเรามีบุคลากรที่เพียงพอ ก็จะสามารถที่จะเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจได้
ทางด้าน จรุง เกียรติสุภาพงศ์ Chief Information officer of KBTG Group ให้ความเห็นเช่นเดียวกันว่า ปัจจุบันธนาคารนำ AI มาใช้ในการทำ Digital Lending โดยการนำฐานข้อมูลของลูกค้ามาใช้ในการวิเคราะห์ความต้องการสินเชื่อของลูกค้า และความสามารถในการชำระคืนเงินกู้ได้ อย่างเรื่องบุคลากรที่ไม่เพียงพอ นำ AI มาช่วยในการทำ coding เป็น Coding Assistance ลดภาระในการเขียนโปรแกรมไปได้ 40% ทำให้เราเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้เพิ่มขึ้น 40%
ผมว่า AI เข้ามาช่วยในการทำงานได้หลายด้าน และการนำ AI มาใช้ในองค์กร สิ่งสำคัญคือผู้นำองค์กรต้องมีความชัดเจนในการขับเคลื่อนองค์กรสู่การใช้ AI ก็จะทำให้องค์กรสามารถที่จะขับเคลื่อนนำ AI มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน


