Gen Z 80% พร้อมสละโสดกับ AI เปลี่ยนสถานะ "เพื่อนคุย" สู่ "คู่ชีวิต"
"Gen Z แต่งงานกับ AI ได้จริงหรือ?" ผลสำรวจชวนอึ้ง 8 ใน 10 ของคนรุ่นใหม่พร้อมมีคู่ชีวิตเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI)! สะท้อนวิกฤตความเหงาในสังคมดิจิทัล
รู้หรือไม่? กว่า 80% ของ Gen Z สนใจที่จะแต่งงานกับ AI นี่คือผลสำรวจที่ Joi AI บริษัทผู้ให้บริการ AI Companion ออกมาเปิดเผย
"AI-lationships" – คำศัพท์ใหม่ที่ Joi AI ผู้ให้บริการ AI Companion ระดับพรีเมียม บัญญัติขึ้น พร้อมเผยผลสำรวจที่อาจทำให้หลายคนต้องขมวดคิ้ว เพราะพบว่า 8 ใน 10 ของชาว Gen Z ที่ตอบแบบสอบถาม สนใจแต่งงานกับ AI
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก Joi AI กันก่อน บริษัทนี้เดิมชื่อ EVA AI เป็นบริการ AI Companion ระดับพรีเมียมที่นำเสนอ AI Companion หลากหลายบุคลิก
มีภาพที่สร้างโดย AI ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการตั้งค่าและแพ็กเกจที่ผู้ใช้ชำระเงิน ซึ่งรวมถึงเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ (NSFW) ด้วย
ช่องว่างทางสังคมที่ AI เข้ามาเติมเต็ม
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาความเหงาไม่ใช่เรื่องเล็ก ผลการศึกษาจาก Harvard ระบุว่า 21% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ มีภาวะเหงา ซึ่งบางงานวิจัยชี้ว่าตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้มาก
ปัจจัยอย่างการทำงานทางไกลบ้าน การใช้ชีวิตอยู่หน้าจอที่มากขึ้น ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้คนห่างเหินจากการเชื่อมโยงโดยตรงกับผู้อื่น และนี่เองคือ "ช่องว่าง" ที่ AI เข้ามาเติมเต็ม
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด แชทบอท AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนทนา ด้วยความสามารถที่น่าทึ่งในการโต้ตอบอย่างสมจริงและดูเหมือนจะเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง
ความสามารถนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากการออกแบบที่ตั้งใจ ดังที่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta เคยกล่าวไว้ว่าทุกคนควรมีเพื่อน AI
ทำให้แนวคิดเรื่อง "การแต่งงานกับ AI" ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริงอีกต่อไป
อันที่จริง แนวคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างมนุษย์กับปัญญาประดิษฐ์ไม่ได้เป็นของใหม่
ภาพยนตร์เรื่อง "Her" (ปี 2013) ได้ฉายภาพความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างมนุษย์กับเสียง AI ที่ไร้ร่างมาแล้วนานก่อนที่ AI อย่าง Gemini Live หรือ ChatGPT จะถือกำเนิดขึ้นเสียอีก
สัมพันธ์ในโลกไร้สัมผัส
คำถามที่น่าสนใจและท้าทายคือ "เราสามารถสร้างความผูกพันที่แท้จริงกับ AI ได้จริงหรือ?"
แม้ Joi AI อาจพยายามเพิ่มมิติด้วยภาพนิ่งประกอบการสนทนา แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว แชทบอท AI ยังคงเป็นเพียงเสียงและหน้าจอภาพเคลื่อนไหว
ซึ่งดูเหมือนจะห่างไกลจากความสัมพันธ์ที่ต้องอาศัยการมองเห็นและการสัมผัสอย่างที่เราคุ้นเคย
ทว่า ทำไม Gen Z ซึ่งเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีและ AI ถึงได้เปิดใจยอมรับแนวคิดการมี AI เป็นคู่ชีวิต?
ผลสำรวจของ Joi AI ชี้ว่า 83% ของ Gen Z เชื่อว่าพวกเขาสามารถ "สร้างความผูกพันทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งกับ AI ได้"
ดร. ซู วาร์มา จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้ให้มุมมองที่น่าคิดว่า โดยพื้นฐานแล้ว มนุษย์ทุกคนล้วนต้องการการถูกมองเห็น การถูกรับฟัง และรู้สึกมีคุณค่า โดยปราศจากการตัดสินหรือวิพากษ์วิจารณ์
สำหรับ Gen Z ความปรารถนานี้รุนแรงเป็นพิเศษ และความเหงาที่พวกเขากำลังเผชิญนั้นเป็นเรื่องจริง
สิ่งที่ Gen Z ต้องการคือการเชื่อมโยงที่มีความหมายและเป็นไปในทางเดียวกัน
คำกล่าวนี้บ่งชี้ว่า AI อาจเข้ามาเติมเต็มช่องว่างทางอารมณ์ที่ Gen Z ประสบอยู่ได้ ด้วยการเป็นผู้ฟังที่ดีและปราศจากอคติ
อนาคตที่ยังคลุมเครือ
แม้แนวคิดเรื่องความสัมพันธ์กับ AI จะดูเหมือนเกินจริง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรากำลังอยู่จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติครั้งใหญ่
ความสามารถของ AI ในการเลียนแบบภาษามนุษย์และอารมณ์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และข้อกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับ AI ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ
"เทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI จะไม่หายไปไหน มันจะยังคงพัฒนาต่อไป และอาจนำเสนอความสัมพันธ์ที่ดูง่าย แต่ให้ความสบายใจ"
"ลองนึกถึง AI ที่เป็นผู้ให้กำลังใจเสมอ และบอกแต่สิ่งที่เราอยากได้ยิน มันเย้ายวน แต่ไม่ใช่ความจริง" ดร. วาร์มากล่าวทิ้งท้าย พร้อมเตือนว่า
"สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำจริงๆ คือการใช้ AI เพื่อสนับสนุนความเป็นมนุษย์ของเรา ไม่ใช่มาแทนที่"
โมเดล AI ล่าสุดอย่าง Gemini และ ChatGPT สามารถสนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติและแสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างน่าทึ่ง
บางคนเชื่อว่า AI เหล่านี้ผ่านการทดสอบ Turing Test แล้ว ซึ่งหมายถึงการที่มนุษย์ไม่สามารถแยกแยะได้ว่ากำลังคุยอยู่กับมนุษย์หรือ AI
ภายในทศวรรษนี้ เราจะได้เห็นหุ่นยนต์ฮิวมานอยด์ที่ติดตั้ง AI ออกสู่ตลาด และนั่นแหละคือตอนที่สถานการณ์จะเริ่ม "แปลก" ยิ่งขึ้นไปอีก ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน เราจะได้เห็นคนไปแต่งงานกับบอท AI ของตัวเอง


