Apple เมินคำขู่ทรัมป์! ทุ่มงบพันล้าน ผุดโรงงาน iPhone ในอินเดีย

 

เป็นที่ชัดเจนว่า Apple กำลังเดินหน้ายุทธศาสตร์ลดการพึ่งพาฐานการผลิตในจีนอย่างจริงจัง

 

ล่าสุด สำนักข่าว Financial Times รายงานว่า Foxconn ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของ Apple ได้ประกาศทุ่มงบประมาณมหาศาลถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนแห่งใหม่ใกล้เมืองเจนไน ประเทศอินเดีย

 

การลงทุนครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลข แต่เป็นสัญญาณสำคัญที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในห่วงโซ่อุปทานระดับโลก

 

 

ทำไม Apple ต้องย้ายไปอินเดีย?

 

Foxconn เตรียมสร้างโรงงานผลิต โมดูลหน้าจอ ในรัฐทมิฬนาฑู ทางตอนใต้ของอินเดีย ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถจัดหาสินค้าให้กับ Apple ได้โดยตรง

 

การขยับขยายนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ช่วงโควิด-19 ระบาด ที่ทำให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกปั่นป่วน แต่เป็นการปรับกลยุทธ์ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว

 

อินเดียได้กลายเป็นเป้าหมายสำคัญ ด้วยศักยภาพด้านแรงงานและมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลอินเดีย ภายใต้โครงการ "Make in India" ของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี

 

ที่มุ่งสร้างงานในประเทศ และผลักดันให้อินเดียเป็นศูนย์กลางการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

 

 

ทรัมป์ส่งสัญญานอะไร?

 

การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันทางการเมืองจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เรียกร้องให้ Apple ย้ายฐานการผลิตกลับไปยังสหรัฐฯ

 

โดยทรัมป์ได้กล่าวโจมตี Apple และซีอีโอทิม คุก เมื่อไม่นานมานี้ว่า

 

"คุณกำลังขยายฐานผลิตไปทั่วอินเดีย ผมไม่ต้องการให้คุณไปสร้างโรงงานที่นั่น" 

 

ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่จะนำ Apple กลับมาตั้งฐานผลิตในประเทศ

 

อย่างไรก็ตาม การลงทุนของ Foxconn ในอินเดียที่ประกาศผ่านตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ยืนยันถึงทิศทางที่ Apple กำลังเดินหน้าอย่างชัดเจน

 

โดยโรงงานแห่งใหม่นี้จะมุ่งเน้นการผลิต โมดูลหน้าจอ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่อยู่ใต้กระจกหน้าจอของ iPhone ทำหน้าที่ควบคุมการสัมผัส ความสว่าง และสีสันของหน้าจอ

 

การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของอินเดีย และคาดว่าจะสร้างงานได้มากถึง 14,000 ตำแหน่ง

 

 

อินเดียกำลังผงาดในตลาด iPhone

 

ข้อมูลจาก Counterpoint Research ชี้ว่า ในปี 2024 อินเดียมีส่วนในการผลิต iPhone ทั่วโลกถึง 18% และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 32% ในปี 2025

 

ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าอินเดียกำลังก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของ Apple อย่างแท้จริง

 

นอกจากนี้ อินเดียยังก้าวขึ้นเป็นตลาดสมาร์ทโฟนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากจีนอีกด้วย

 

การลงทุนของ Foxconn และ Tata Electronics ในอินเดียจึงเป็นตัวอย่างความสำเร็จของนโยบาย "Make in India" ที่ต้องการสร้างงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

 

การที่ Apple ขยายฐานการผลิตไปยังอินเดีย ไม่เพียงแต่เป็นการกระจายความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เท่านั้น

 

แต่ยังเป็นการเข้าถึงตลาดและฐานการผลิตขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพ ซึ่งน่าจับตาว่ากลยุทธ์นี้จะส่งผลอย่างไรต่อทิศทางของ Apple และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในอนาคต