ถอดรหัส "Frontier Firm" แนวคิดปฏิวัติองค์กรให้อยู่รอดยุค AI
Microsoft เผยแนวคิด "Frontier Firm" ผู้นำองค์กรยุคใหม่ต้องปรับมุมมองต่อ AI ผสานศักยภาพของพนักงานเข้ากับเทคโนโลยีให้ลงตัว ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน
"ผลสำรวจประจำปีนี้บอกเราว่าผู้บริหารในไทยตื่นตัวกันมากในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หลักขององค์กร โดยมีถึง 93% ที่มองว่าจะต้องคิดใหม่ วางทิศทางใหม่ให้ได้ในปีนี้"
"เมื่อมองผลสำรวจในระดับโลก เห็นได้ชัดเจนว่าองค์กรชั้นนำกำลังลงมือปรับเปลี่ยนโครงสร้างการทำงาน"
"ยกระดับ AI จากเครื่องมือใช้งานทั่วไปให้กลายเป็นเพื่อนร่วมทีมคนใหม่ ส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI agent อย่างลงตัว"
"ซึ่งองค์กรเหล่านี้เองที่กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ด้านนวัตกรรมในฐานะ ‘Frontier Firm’ เพื่อการเติบโตที่รวดเร็วยิ่งขึ้นต่อไป"
- นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย
ข้อมูลดังกล่าวมาจากรายงาน Work Trend Index ประจำปี 2025 ที่ไมโครซอฟท์ได้รวบรวมจากผลสำรวจผู้บริหารและพนักงานกว่า 31,000 คนใน 31 ประเทศทั่วโลก
รวมถึงข้อมูลจากตลาดแรงงานและการใช้งานจริงในองค์กร รายงานฉบับนี้ได้นำเสนอภาพการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างภายในองค์กร ซึ่งผู้บริหารจำนวนมากตระหนักถึงความจำเป็นในการปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับการเข้ามาของ AI
โดยชี้ให้เห็นแนวโน้มสำคัญขององค์กรทั่วโลกที่กำลังก้าวสู่ยุคแห่งการทำงานร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างใกล้ชิด
ซึ่งมีการนิยามลักษณะขององค์กรผู้นำในยุคนี้ว่าเป็น "Frontier Firm" โดดเด่นด้วยการผสานศักยภาพของพนักงานที่เป็นมนุษย์เข้ากับ "AI Agent" หรือระบบ AI อัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขับเคลื่อนการเติบโต
AI Agent: "ทีมงานดิจิทัล" เสริมศักยภาพองค์กร
แนวคิดสำคัญที่พบในกลุ่ม Frontier Firm คือ การมองว่า AI Agent ไม่ใช่เพียงเครื่องมือ แต่เป็นเสมือน "ทีมงานดิจิทัล" ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มศักยภาพและขีดความสามารถขององค์กร
โดย AI Agent มีความสามารถในการทำความเข้าใจ วางแผน และดำเนินงานบางส่วนได้โดยอัตโนมัติ ทำให้พนักงานสามารถโฟกัสกับงานที่ต้องใช้การตัดสินใจ ความคิดสร้างสรรค์ หรือการมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์
ผลสำรวจพบว่า ผู้บริหารในประเทศไทยถึง 90% (สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 82%) มีแผนที่จะนำ AI Agent เข้ามาทำงานร่วมกับพนักงานในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า
สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวในการใช้ AI เพื่อขยายขีดความสามารถขององค์กรโดยไม่เพิ่มภาระงานให้กับพนักงาน
ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริหารไทยกว่า 75% ที่ต้องการให้องค์กรทำงานได้มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน พนักงานไทยถึง 88% กลับรู้สึกว่ามีภาระงานล้นมือ
สู่การทำงานแบบไฮบริด: มนุษย์และ AI จับมือกัน
การเข้ามาของ AI Agent กำลังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงผังองค์กรและกระบวนการทำงาน
ผู้บริหารไทยประมาณ 68% ระบุว่าองค์กรเริ่มนำ AI Agent มาใช้ทำให้กระบวนการบางอย่างเป็นอัตโนมัติเต็มตัว ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่สูงที่สุดในกลุ่มประเทศที่สำรวจทั่วโลก
แนวโน้มนี้ชี้ให้เห็นถึงการก่อตัวของทีมงานรูปแบบใหม่ที่เป็นลูกผสมระหว่างมนุษย์และ AI โดยเฉพาะในสายงานบริการลูกค้า การตลาด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์
มุมมองของพนักงานต่อ AI ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน พนักงานไทยส่วนใหญ่ใช้ AI เพราะสามารถเรียกใช้งานได้ตลอดเวลา
แต่ที่แตกต่างจากค่าเฉลี่ยทั่วโลกคือ พนักงานไทยมองเห็นคุณค่าของ AI ในการช่วยเสนอไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ในสัดส่วนที่สูงกว่า
ขณะที่พนักงานทั่วโลกให้ความสำคัญกับความเร็วและคุณภาพของงานจาก AI มากกว่าเล็กน้อย
นอกจากนี้ พนักงานไทย 56% มองว่า AI เป็นเสมือนเพื่อนคู่คิดในการทำงาน
พนักงานทุกคนคือ "ผู้จัดการ" AI
เมื่อ AI Agent มีบทบาทมากขึ้น พนักงานจำเป็นต้องมีทักษะใหม่ๆ เพื่อทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้บริหารไทยมองว่าในอนาคตอันใกล้ พนักงานจะต้องมีบทบาทในการออกแบบระบบงานที่ใช้ AI (51%) สร้างระบบอัตโนมัติที่ซับซ้อนโดยใช้ AI Agent หลายตัวร่วมกัน (51%) ฝึกสอน AI Agent ให้เข้าใจเนื้องาน (56%) และบริหารจัดการ AI Agent ในภารกิจต่างๆ (46%)
แม้ว่าผู้บริหารจะมีความคุ้นเคยกับแนวคิด AI Agent มากกว่าพนักงาน แต่รายงานชี้ว่าองค์กรส่วนใหญ่เข้าใจถึงความจำเป็นในการยกระดับทักษะของพนักงาน และถือเป็นภารกิจสำคัญลำดับต้นๆ ที่ต้องดำเนินการในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า
รายงาน Work Trend Index 2025 เน้นย้ำว่า องค์กรทั่วโลกกำลังก้าวข้ามจากการทดลองใช้ AI สู่การบูรณาการ AI เข้ากับโครงสร้างและการทำงานหลักอย่างแท้จริง
การปรับตัวสู่การทำงานแบบ "AI-first" หรือการให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับ AI เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถผสานความสามารถของมนุษย์และ AI เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว นำไปสู่โอกาสใหม่ๆ และการเติบโตที่รวดเร็วยิ่งขึ้นในอนาคต


