posttoday

ผึ้งกำลังแตกรังในเมียนมา

30 เมษายน 2565

คอลัมน์ เปิดประตูค้าชายแดน

เมื่อวันพุธที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา ข่าวใหญ่จากประเทศเมียนมา คือข่าวการจับกุมผู้คนระดับ VIP ในเมียนมาดังไปทั่วประเทศ ผมมาได้ข่าวดังกล่าวนี้ในช่วงสายๆของวันนั้น รู้สึกได้ถึงความตื่นตระหนกเกิดขึ้นในประเทศเมียนมา

ซึ่งมีผู้ที่ถูกจับกุมตัวทั้งหมด 6 ท่านด้วยกัน มีรัฐมนตรีชื่อ U Ohn Win รัฐมนตรีช่วย  U Win Khine อีกทั้งปลัดกระทรวง และคหบดีคนสำคัญคนดัง ที่มีชื่อว่า อู ชิต ข่ายและบุตรชาย ร่วมอยู่ด้วย

ซึ่งทำให้เพื่อนๆที่เป็นนักธุรกิจเมียนมา ที่อยู่ที่ประเทศไทย ได้ส่งไลน์มาเล่าข่าวให้ผมฟัง ต่อจากนั้นในช่วงสายๆ ข่าวนี้ก็แพร่สะพัดมาทางไลน์อีกหลายสายทีเดียว

หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในเมียนมา ก่อนหน้านี้กลุ่มต่อต้านต่างๆ ก็เริ่มออกมาร่วมเดินขบวนต่อต้านรัฐบาล โดยได้จัดตั้งกลุ่มอาริยะขัดขืน หรือที่เรียกว่า CDM (Civil Disobedient Movement) ซึ่งนำขบวนโดยกลุ่มไฮโซในประเทศเมียนมา

อันประกอบด้วยกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มนักแสดง กลุ่มนักการเมืองที่สูญเสียอำนาจ และกลุ่มนักธุรกิจบางส่วน ซึ่งต่อมาก็ถูกปราบปรามจนกระทั่งแตกกระเจิง บางคนก็ถูกจับกุมไป ที่ยังไม่ถูกจับกุม บางส่วนก็หลบหนีออกนอกประเทศ บางส่วนก็หลบหนีเข้าป่า

ส่วนที่หลบหนีเข้าป่า ก็ไปจัดตั้งเป็นกลุ่ม PDF ส่วนที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ ก็ไปจัดตั้งรัฐบาลเงาหรือ NUG อีกทั้งก็ยังมีบางคนบางส่วนที่เป็นนักธุรกิจ หรือมีเส้นสายธุรกิจที่ต่างประเทศ ก็หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศกัน

ส่วนภายในประเทศเมียนมาเอง บางคนที่เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มผู้มีอำนาจ ก็จะไม่ส่งผลกระทบมากมาย อีกทั้งยังอาจจะมีโอกาสในการขยายธุรกิจด้วยก็เป็นไปได้ ผมเองก็มีเพื่อนหลายคน ที่ได้มีการทำธุรกิจใหญ่โตในประเทศเมียนมา

และมีกลุ่มลูกค้าที่ไปมาหาสู่กันเสมือนพี่น้องก็มีหลายคนทีเดียว พอเกิดเหตุการณ์จับกุมกลุ่มนี้เกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ก็ต่างตื่นตระหนกกันไป เพราะข้อหาของการจับกุมคือมีการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเป็นข้อหาที่รุนแรงเอาการ

ก่อนหน้านี้ ก็มีนักธุรกิจชาวเมียนมาหลายท่าน ที่เข้ามาหาช่องทางการค้า-การลงทุนในประเทศไทย ซึ่งผมในฐานะประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา ก็เป็นเป้าหมายที่นักธุรกิจชาวเมียนมาเข้ามาปรึกษาหารือเป็นประจำ

คำถามยอดฮิตที่เขาจะต้องถามผมก็คือ มีอะไรที่สามารถลงทุนได้บ้าง? สามารถทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้หรือไม่? การขอวีซ่าระยะยาว จะต้องทำอย่างไร? หากหานอมินี่ในประเทศไทยจะทำอย่างไรให้ปลอดภัย? ฯลฯ ซึ่งเกือบจะทุกคนต้องถามคำถามเหล่านี้

คำตอบที่ผมให้แก่เขา คือโอกาสทางการค้าในประเทศไทยนั้น มีอยู่มากมาย เพียงแต่คุณต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายไทยเท่านั้น บุคคลหรือหน่วยงานที่คุณควรจะต้องไปถามคือ BOI และทนายความ ส่วนคนอื่นๆนั้น ขอให้ระมัดระวังตัวเองด้วยก็แล้วกัน เพราะหากเขาตอบในสิ่งที่คุณคาดไม่ถึง อาจจะนำมาซึ่งความยุ่งยากก็เป็นไปได้

ส่วนธุรกิจอะไรที่สามารถลงทุนได้ ผมก็จะแนะนำให้ทำธุรกิจที่ตนเองถนัดเท่านั้น อย่าเห็นธุรกิจทุกๆอย่างง่ายไปเสียทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศเมียนมาเพิ่งจะเปิดประเทศได้ไม่นาน นักธุรกิจเองยังไม่เคยชินกับการดำเนินการทางธุรกิจ ที่มีปัญหามาก่อน ดังนั้นมีโอกาสที่จะล้มเหลวได้ไม่ยาก

คำถามที่สองที่ถามว่า การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นมีความเป็นไปได้หรือไม่? ผมก็ตอบว่าเรื่องนี้ก็จะคล้ายๆกับประเทศเมียนมา ที่ไม่ยอมให้คนต่างชาติถือครองที่ดินได้ แต่ถ้าเป็นคอนโดมิเนี่ยม หากถือครองไม่เกิน 40% ของพื้นที่ทั้งหมด ก็ยังสามารถทำได้ ก็จึงมีชาวเมียนมาเข้ามาซื้อคอนโดมิเนี่ยมที่แถบถนนรัชดาภิเษกอยู่หลายราย

ผมยังได้แนะนำต่อไปอีกว่า การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เขาควรจะซื้อกับผู้ขายโดยตรงจะปลอดภัยที่สุด อย่าได้เอาตัวอย่างที่เคยซื้อขายในประเทศเมียนมาโดยเด็ดขาด เพราะทั้งสองประเทศมีความแตกต่างกันมาก ดังนั้นหนทางที่น่าจะปลอดภัยที่สุด คือสอบถามกับเจ้าของโครงการหรือเจ้าหน้าที่กรมที่ดินเท่านั้น

อีกคำถามหนึ่งคือการขอวีซ่าระยะยาวควรทำอย่างไร? ผมก็บอกไปว่า การขอวีซ่าสามารถทำได้ หากมีการลงทุนในประเทศไทย แต่ต้องเป็นการลงทุนที่ถูกต้องเท่านั้นนะครับ หรืออีกช่องทางหนึ่ง คือการสมรสกับประชาชนในประเทศไทยเรา ซึ่งก็มีคนถามผมว่าวิธีหลังนี้พอจะแนะนำให้ได้หรือไม่? ผมตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่า ผมจนปัญญาจริงๆ เพราะเรื่องการแต่งงานแต่งการกันนั้น เป็นหน้าที่ของพระพรหมเป็นผู้ลิขิต ผมเป็นมนุษย์เดินดินกินข้าวแกง ไม่สามารถ......

ก็มีอีกท่านหนึ่งที่ถามผมว่า การลงทุนที่ประเทศไทย เขายังไม่มีคอนเน็คชั่นหรือเพื่อนนักธุรกิจไทย แต่เขาสนใจที่จะลงทุน พอจะหานอมินีหรือหุ้นเชิดให้เขาได้หรือไม่ ? ผมก็บอกว่าอย่าได้ริอ่านทำเช่นนั้นเลย

เพราะสุดท้ายก็เป็นการขว้างงูไม่พ้นคอ มันเป็นวิธีการที่ผิดกฎหมาย หากมีการฉ้อโกงกันเกิดขึ้น คงจะฟ้องร้องกันไม่ได้ ถ้าจะลงทุนในประเทศไทยจริงๆ เรามีทั้งการลงทุนทางตรงและลงทุนทางอ้อม คุณสามารถเลือกที่จะลงทุนอย่างไรที่ให้ผลตอบแทนที่คุณยอมรับได้นั้น ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะมารับประกันความเสี่ยงแทนคุณได้ คุณต้องตัดสินใจด้วยตนเองเท่านั้น ซึ่งนี่คือกฎกติกาสากลทั่วโลกก็จะคล้ายๆกันหมดครับ

จะเห็นว่าระยะนี้ เป็นช่วงของผึ้งกำลังแตกรัง หากทางประเทศไทยเรา สามารถมีหน่วยงานไหนที่พอจะให้คำแนะนำที่ดีกับเขาได้ ผมคิดว่านี่จะเป็นโอกาสที่ดี ที่เราจะได้นักลงทุนจากประเทศเมียนมาเข้ามาสู่ประเทศไทยเราได้ไม่อยากเลยครับ