posttoday

ตรินห์ อานห์ เกวี๊ยต บิ๊กอสังหาฯเวียดนาม

04 สิงหาคม 2560

เชื่อได้ว่าผู้คนทั่วโลกได้รู้จักประเทศเวียดนามมากขึ้นจากการถ่ายทอดบรรยากาศและความสวยงามผ่านภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Kong : Skull Island

โดย...ทศพล หงษ์ทอง

เชื่อได้ว่าผู้คนทั่วโลกได้รู้จักประเทศเวียดนามมากขึ้นจากการถ่ายทอดบรรยากาศและความสวยงามผ่านภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Kong : Skull Island ซึ่งนอกจากเรื่องท่องเที่ยวแล้ว การเติบโตของเศรษฐกิจยังเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยเช่นกัน เปรียบเสมือนดอกไม้กำลังเบ่งบาน ซึ่งในมุมมองของนักลงทุนระดับโลกนับว่าเป็นข้อเสนออันมีค่าหากดูจากตัวเลขเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (เอฟดีไอ) ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นแน่นอนว่าเรื่องราวของบุรุษผู้นี้จะต้องเป็นอีกหนึ่งกำลังหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชาวเวียดแน่นอน

ตรินห์ อานห์ เกวี๊ยต (Trinh Van Quyet) ถูกยกให้เป็นมหาเศรษฐี อันดับต้นๆ ของเวียดนาม อีกทั้งยังครองตำแหน่งผู้ถือหุ้นมูลค่ามากสุดในตลาด จากการเปิดเผยตัวเลขพบว่ามูลค่าหุ้นที่เขาถืออยู่นั้นสูงถึง 5.21 หมื่นล้านบาท ซึ่งการเดินทางของเขาเริ่มต้นขึ้นในเมืองเล็กๆ อย่าง จังหวัดหวิงฟุก (Vinh Phuc) ระหว่างปี 2518 เช่นเดียวกับชาวอาเซียนส่วนใหญ่ เมื่อ ตรินห์ ศึกษาจบระดับมัธยมจากโรงเรียนปลายแถว เขาก้าวเดินไปตามหาความฝันท่ามกลางแสงนีออนของเมืองโฮจิมินห์ ในที่สุดเขาเก็บเงินก้อนแรกจากอาชีพช่างซ่อมเครื่องยนต์ส่งเสียตัวเองเข้าสู่ มหาวิทยาลัยด้านกฎหมายในกรุงฮานอย และนั่นทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล

ในปี 2542 เป็นปีเดียวกับ ที่ตรินห์ จบการศึกษา เขาใช้เงินทั้งหมดที่มีเสี่ยงลงทุนไปกับการก่อตั้ง บริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมาย (Con sulant) ให้กับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่เศรษฐกิจเวียดนามเริ่มกลับมาฟื้นตัวจาก แรงขับของประชากรจำนวนมากย่อมทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยสี่ขยายตัวแบบก้าวกระโดด

ตรินห์ กอบโกยเงินได้มากมายจากกิจการที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และยังได้พบกับพันธมิตรทางธุรกิจจนนำไปสู่การร่วมก่อตั้งบริษัท FLC group ในปี 2551 จนวันนี้ผ่านมาแล้วกว่าทศวรรษ FLC Group ก้าว ขึ้นเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศเวียดนาม ด้วยมูลค่าสินทรัพย์กว่า 2.77 หมื่นล้านบาท นับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่สามารถเนรมิตพื้นที่ว่างเปล่าของประเทศให้กลายมาเป็นทำเลทองสำหรับนักลงทุนและนักท่องเที่ยวด้วยเม็ดเงินลงทุนที่ฉีดเข้าไปในระบบอสังหาฯ แล้วหลายแสนล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมา FLC Group มีผลประกอบการขยายตัวขึ้น 14% ปิดยอดที่ 10,027 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิขยายตัวราว 9.5% มูลค่ารวม 1,750 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าเงินทุนของบริษัทนั้นเติบโตแข็งแกร่งกว่า 19.5% มูลค่ารวม 9,800 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเติบโตของกิจการในอนาคต ถือว่ายังเดินมาถูกทางหลังลุยตลาดรีสอร์ท ไฮเอนด์ และแหล่งสถานบันเทิง รวมถึงที่พักอาศัยพรีเมียมเพื่อตอบรับตลาดท่องเที่ยวเวียดนามที่คาดว่าในปีนี้จะมีมูลค่ามากกว่า 7 แสนล้านบาท ขยายตัวต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20% พร้อมปริมาณนักท่องเที่ยวรวมกันต่อปีมากกว่า 78 ล้านคน โดยในปี 2560 นี้ FLC Group จะเข้าสู่ ยุคปีทองที่นักลงทุนตลาดหุ้นทั้งหลายต้องจับตา เมื่อล่าสุดประกาศออกมาว่าปีนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มรายได้ 100% จากปีก่อนให้มูลค่าทะยานแตะระดับ 2.1 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่อดูจากยอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (แบ็กล็อก) ในมือของ FLC ที่ปีนี้เตรียมขนเมกะ โปรเจ็กต์ลงทุน 1.33 แสนล้านบาท ประกอบด้วย คอนโดเทล 2,500 ห้อง หมู่บ้านจัดสรร 1,400 โรงแรมไฮเอนด์ อีก 1,000 ห้อง รวมถึงโครงการสนามกอล์ฟพรีเมียมระดับยักษ์อีกหลายแห่ง โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าภายใต้การนำของ FLC Group ยังสามารถเติบโตไปได้อีกไกล ทั้งแรงขับจากการขยายตัวในตัวเลขจีดีพีขั้นสูง ผสมผสานกับภูมิประเทศที่มีชายหาดยาวกว่า 3,200 กม. ทั้งยังประดับประดาไปด้วยความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งทะเล ภูเขา ทะเลทราย ไปจนถึงเมืองเก่าแก่

โดยขณะนี้ FLC Group เข้าไป ลงทุนใน 9 จังหวัดของเวียดนาม และเพิ่มเป็น 16 จังหวัดภายใน 5 ปี พร้อมเตรียมเดินหน้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่ให้สอดรับกับทิศทางการพัฒนาประเทศ ทั้งการลงทุนก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมมูลค่านับหมื่นล้าน ไปจนถึงการลงทุนก่อสร้างกาสิโนระดับโลกที่มีมูลค่าเฉียดแสนล้านบาท