posttoday

มาเลเซียปรับใหม่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี’62

29 พฤศจิกายน 2561

เมื่อต้นเดือน พ.ย. มาเลเซียได้ประกาศข้อเสนองบประมาณของปี 2562 ซึ่งมีหลายรายการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของผู้มีเงินได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในมาเลเซีย

เรื่อง...เบญจมาศ กุลกัตติมาส

เมื่อต้นเดือน พ.ย. มาเลเซียได้ประกาศข้อเสนองบประมาณของปี 2562 ซึ่งมีหลายรายการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของผู้มีเงินได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในมาเลเซีย ทั้งบุคคลที่เป็นคนมาเลเซีย หรือกรณีชาวต่างชาติที่เข้าไปทำงานและมีรายได้ที่ต้องเสียภาษีให้แก่มาเลเซีย

เรื่องแรกได้แก่ การเพิ่มการหักลดหย่อนสำหรับเงินสมทบที่ผู้เสียภาษีจ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต ในปัจจุบัน ผู้เสียภาษีในมาเลเซียทั้งคนมาเลเซีย และคนต่างชาติสามารถหักค่าลดหย่อนในส่วนนี้ได้รวมกันไม่เกิน 6,000 ริงกิต สำหรับปีภาษี 2562 เป็นต้นไป ค่าลดหย่อนในส่วนนี้จะเพิ่มจาก 6,000 ริงกิต เป็น 7,000
ริงกิต แต่จะเป็นค่าลดหย่อนกรณีการจ่ายสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพไม่เกิน 4,000 ริงกิต และลดหย่อนสำหรับการจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตไม่เกิน 3,000 ริงกิต ซึ่งการเปลี่ยนให้เป็นการกำหนดแยกเป็นสองส่วนอาจทำให้ผู้เสียภาษีที่เป็นคนต่างชาติที่ไม่ต้องจ่ายสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพอาจใช้สิทธิลดหย่อนน้อยลง เพราะเดิมที่หักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันชีวิตได้ไม่เกิน 6,000 ริงกิต จะาเป็นหักได้ไม่เกิน 3,000 ริงกิต ทำให้มีภาระภาษีเพิ่ม 840 ริงกิตโดยประมาณ

เรื่องที่สอง คือ การเพิ่มการหักลดหย่อนสำหรับเงินที่ผู้เสียภาษีที่เป็นคนมาเลเซียจ่ายเข้ากองทุน SSPN (The National Education Saving Schemes) ซึ่งเป็นกองทุนที่สนับสนุนให้ครอบครัวออมเงินเพื่อการศึกษาของบุตรในขั้นสูงต่อไป ซึ่งจากเดิมสามารถหักค่าลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 6,000 ริงกิต เพิ่มเป็นไม่เกิน 8,000 ริงกิต โดยจะมีผลสำหรับปีภาษี 2562 ถึง 2563 เรื่องนี้จะใช้กับบุคคลธรรมดาที่มีถิ่นที่อยู่ทางภาษีในประเทศมาเลเซียเท่านั้น

เรื่องที่สาม เรื่องการลดอัตราเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่จ่ายโดยลูกจ้างชาวมาเลเซียที่มีอายุมากกว่า 60 ปี จากเดิมที่ลูกจ้างต้องจ่ายสมทบที่อัตราร้อยละ 5.5 ของค่าจ้างและนายจ้างต้องจ่ายสมทบที่อัตราร้อยละ 6 ของค่าจ้างเป็นร้อยละ 0 สำหรับลูกจ้าง และร้อยละ 4 สำหรับนายจ้าง เรื่องนี้ไม่มีผลต่อผู้เสียภาษีต่างชาติ เพราะบังคับใช้เฉพาะกับคนมาเลเซียเท่านั้น

เรื่องที่สี่ คือการแก้ไขอัตราภาษีสำหรับกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ หรือจากการขายหุ้นในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ โดยเพิ่มอัตราภาษีถ้าขายในปีที่หกและปีต่อๆ ไป จากอัตราศูนย์ เป็นอัตราร้อยละ 5 ส่วนกรณีผู้ขายที่ไม่ใช่คนสัญชาติมาเลเซีย ปัจจุบันจะเสียภาษีบนกำไรในอัตราเดียว คือร้อยละ 30 หากขายภายในห้าปี แต่ถ้าขายในปีที่หกและปีต่อๆ ไป อัตราภาษีจะเป็นร้อยละ 5 ซึ่งการแก้ไขที่จะมีผลบังคับวันที่ 1 ม.ค. 2562 คือแก้ไขอัตราภาษีถ้าขายในปีที่หกและปีต่อๆ ไป จากอัตราร้อยละ 5 เป็นอัตราร้อยละ 10

เรื่องสุดท้ายที่จะกล่าวถึงแม้ไม่ใช่ด้านภาระภาษี แต่ก็อาจมีผลทำให้กิจการมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นกรณีที่พนักงานมีความจำเป็นต้องเดินทางเข้าออกมาเลเซียเป็นประจำ เนื่องจากมีข้อเสนอให้ผู้เดินทางทางอากาศที่เดินทางออกจากมาเลเซียจะต้องชำระภาษีเดินทางทุกครั้งในอัตรา 20 ริงกิต กรณีเดินทางจากมาเลเซียไปประเทศในอาเซียน และในอัตรา 40 ริงกิต กรณีเดินทางออกจากมาเลเซียไปประเทศอื่นนอกจากอาเซียน

ถึงแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวข้างต้นจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาระภาษีมากนักแต่ก็เป็นเรื่องที่กิจการที่มีการลงทุนในมาเลเซีย และบุคคลที่ทำงานมีรายได้ที่ต้องเสียภาษีในมาเลเซียควรจะติดตามการแก้ไขและพิจารณาว่าการเปลี่ยนแปลงจะมีผลต่อกิจการหรือตนเองอย่างไร