โพลเผย "ทรัมป์" ทำภาพลักษณ์สหรัฐย่ำแย่
ผลสำรวจนานาชาติมองภาพลักษณ์สหรัฐตกต่ำ ไม่มั่นใจนโยบายต่างประเทศทรัมป์จะมาถูกทาง
ผลสำรวจนานาชาติมองภาพลักษณ์สหรัฐตกต่ำ ไม่มั่นใจนโยบายต่างประเทศทรัมป์จะมาถูกทาง
สถาบันวิจัยพิว รีเสิร์ช เปิดเผยว่า ภาพลักษณ์สหรัฐตกต่ำลงมากหลัง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นดำรงตำแหน่งและบรรดาผู้คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าทรัมป์สามารถนำประเทศได้ โดยจากการสำรวจทั้งหมด 37 ประเทศ ระบุว่า คะแนนความนิยมสหรัฐ อยู่ที่เพียง 49% หลังทรัมป์ดำรงตำแหน่งได้เพียง 5 เดือน ตกลงจาก 64% ในสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
ผลสำรวจพบว่า คะแนนที่ตกลงนั้น ส่วนหนึ่งมาจากชาติพันธมิตรของสหรัฐ เช่น เม็กซิโก แคนาดา หรือแม้แต่คู่ค้าจากทวีปยุโรปอย่างเยอรมนีและสเปน โดยคาดว่าเป็นผลมาจากนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" ของทรัมป์ ที่มีแผนการสร้างกำแพงกั้นเขตแดนระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก อีกทั้งยังมองว่าแคนาดา เยอรมนี และจีน เอาเปรียบทางการค้ากับสหรัฐ
ปัจจุบันมีชาวเม็กซิกันเพียงแค่ 30% ที่ยังคงมีทัศนคติในแง่บวกต่อสหรัฐ ลดลงจาก 66% ก่อนหน้านี้ ขณะที่คะแนนความนิยมจากแคนาดาและเยอรมนีก็ตกลงมาเหลือเพียง 43% และ 35% ตามลำดับ อีกทั้งคะแนนจากประเทศแถบ เอเชียและแอฟริกาก็ตกลงด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังเผยอีกว่า มีเพียง 22% จากผู้คนมากกว่า 4 หมื่นคนเท่านั้น ที่คิดว่านโยบายต่างประเทศของทรัมป์ดำเนินไปในทางที่ถูกต้อง เทียบกับ 64% ในสมัยโอบามา และยังเป็นรองประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน จากรัสเซีย และประธานาธิบดีสีจิ้นผิง จากจีน ด้านนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี ได้รับคะแนนนิยม 42% ซึ่งมากที่สุดในบรรดาผู้นำทั้ง 4 คน
ผลสำรวจระบุว่า 76% ไม่พอใจกับแผนการสร้างกำแพงกั้นเขตแดนแม็กซิโก 72% ต่อต้านการออกจากสนธิสัญญาการค้าหลัก และ 62% คัดค้านแผนการจำกัดการเดินทางจากสหรัฐไปสู่ประเทศชาวมุสลิม
อย่างไรก็ตาม หากในภาพรวมแล้ว มี 58% ที่ยังคงมองสหรัฐในแง่บวก
ภาพ...เอเอฟพี