ฮิวแมนไรท์วอทช์เผย เด็กหญิงชาวโรฮิงญาวัย 13 ปี ถูกทหารเมียนมาข่มขืน

ฮิวแมนไรท์วอทช์ลงพื้นที่สัมภาษณ์หญิงชาวโรฮิงญาในค่ายผู้ลี้ภัยของบังกลาเทศ ทหารเมียนมารุมทำร้าย และข่มขืนแม้กระทั่งเด็กอายุเพียง 13 ปี

บรรดาผู้หญิง และเด็กหญิงชาวโรฮิงญา ในจำนวนนี้เด็กที่สุดคือวัย 13 ปี ล้วนถูกข่มขืน และล่วงละเมิดทางเพศโดยทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมา รายงานใหม่จากฮิวแมนไรท์วอทช์ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในหมู่บ้าน 9 แห่ง ของเขต Maungdaw เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

รายงานใหม่นี้ถูกเปิดเผยออกมา หลังสามวันก่อนหน้าสหประชาชาติเพิ่งจะเสนอรายงานใหม่ให้แก่สำนักงานข้สหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชน หรือ OHCHR ว่าทหารเมียนมาได้ใช้มีดสังหารเด็กๆชาวโรฮิงญา ในขณะที่กำลังข่มขืนแม่ของพวกเขา รายงานดังกล่าวระบุว่า จากการสัมภาษณ์หญิงชาวโรฮิงญาจำนวน 101 คนที่รอดชีวิต เกินกว่าครึ่งล้วนระบุว่าตนเคยถูกข่มขืนทั้งสิ้น

ด้านรัฐบาลเมียนมายังคงปฏิเสธการละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวโรฮิงญา พร้อมระบุว่าหลักฐาน และคำกล่าวอ้างทั้งหมดนั้นล้วนเป็นโฆษณาชวนเชื่อ

ทีมนักวิจัยจากฮิวแมนไรท์วอทช์ได้ลงพื้นที่สัมภาษณ์หญิงชางโรฮิงญาจำนวน 18 คน ที่หนีจากความรุนแรงในรัฐยะไข่ มายังบังกลาเทศ เมื่อช่วงเดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา จนถึงเดือนมกราคมปีนี้ ในจำนวนนี้มี 11 คนที่ระบุว่าตนถูกข่มขืน และอีก 17 คนเคยเห็นเหตุการณ์การคุกคามทางเพศเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา กับพี่สาว หรือลูกสาวของตนเอง

หญิงชาวโรฮิงญาวัยประมาณ 20 ปี เล่าว่า ทหารเมียนมาใช้ท่อนไม้ทุบตีเธอ และกระทืบเธอด้วยส้นรองเท้าบู๊ท หลังจากซ้อมจนหนำใจแล้ว พวกทหารก็แยกเธอ และหญิงสาวในวัยเดียวกันอีกราว 15 คนออกไป และลงมื่อข่มขืนทีละคน

หญิงชาวโรฮิงญาอีกคนเล่าว่า กลุ่มทหารเมียนมาบุกบ้านของเธอ ฆ่าสามี และข่มขืนเธอที่จุดตรวจ ในขณะที่คนอื่นๆที่เคยเป็นพยานเล่าว่า พวกเขาเห็นทหารพาตัวเด็กหญิงวัย 13 ปีกลุ่มหนึ่งแยกออกไป ต่อมาได้ยินเสียงพวกเธอกรีดร้อง จึงเข้าใจได้ว่าทั้งหมดถูกทหารเมียนมาข่มขืนแล้ว

นอกเหนือไปจากการคุกคามทางเพศแล้ว ในรายงานยังระบุว่าทหารเมียนมาใช้วาจา และถ้อยคำดูถูกพวกเธออีกด้วยในขณะที่ถูกทุบตี หรือถูกข่มขืน "ชาวบังกลาเทศเลวๆ" หรือ "ชาวมุสลิมเลวๆ" เป็นตัวอย่างถ้อยคำเหยียดชาติพันธุ์ที่ทหารเมียนมาใช้

"เราจะฆ่าพวกแกซะ เพราะแกเป็นมุสลิม" หญิงสาวคนหนึ่งเล่าประสบการณ์ที่ทหารเมียนมาพูดกับเธอ ในขณะที่อีกคนเล่าว่า พวกทหารถามเธอว่าเธอได้ให้ที่ซ่อนแก่ผู้ก่อการร้ายหรือไม่ เมื่อเธอปฏิเสธพวกนั้นก็ข่มขืนเธอ

นับตั้งแต่เกิดการปราบปรามรุนแรงขึ้นในรัฐยะไข่ เมื่อเดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา มีชาวโรฮิงญากว่า 69,000 คนแล้ว ที่ต้องกลายเป็นผู้อพยพ หนีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากบ้านเกิด เข้าไปอาศัยยังค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศ ในจำนวนนี้ 23,000 คน ล้วนมาจากเขต Maungdaw เขตพื้นที่ปราบปรามรุนแรง ที่ฮิวแมนไรท์วอทช์รายงาน

ทั้งนี้ในรายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์เรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาเปิดพื้นที่ให้องค์กรนานาชาติเข้าตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นอย่างอิสระ รวมทั้งกังวลไปยังบรรดาเหยื่อคุกคามทางเพศทั้งหลาย ที่ควรได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ หรือการติดเชื้อเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เป็นต้น