ผบ.ทบ.ชี้บึ้มรพ.พระมงกุฎหวังผลเอาชีวิต คนร้ายใส่ตะปูเป็นสะเก็ดระเบิด

ผบ.ทบ.ชี้การลอบวางระเบิดโรงพยาบพระมงกุฎหวังผลต่อชีวิต มีการใส่ตะปูเป็นสะเก็ดระเบิด เชื่อคนร้ายเป็นกลุ่มเดียวกับเหตุหน้ากองสลากเก่า-โรงละครแห่งชาติ

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แถลงหลังประชุมฝ่ายความมั่นคงที่ บก.ทบ. กรณี เหตุระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าว่า เหตุดังกล่าวทำให้มีผู้บาดเจ็บ 21 ราย แยกเป็นบาดเจ็บเล็กน้อย 18 ราย และอาการหนัก 3 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์

"เหตุที่เกิดขึ้นเป็นการวางระเบิดของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่ห้องรับรอง ที่มีข้าราชการสูงอายุ ปลดประจำการมารอรับยากับครอบครัวระเบิดครั้งนี้ประสงค์ต่อชีวิต เพราะมีการใส่ตะปู เพื่อให้เป็นสะเก็ดระเบิด โดยระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นไปป์บอมบ์ เช่นเดียวกับเหตุที่หน้ากองสลากเก่าและโรงละครแห่งชาติ"ผบ.ทบ.กล่าว

พล.อ.เฉลิมชัย  คิดว่า 3 คดีที่เกิดขึ้นมาจากกลุ่มเดียวกัน เพราะระเบิดเป็นชนิดเดียวกัน ส่วนการบูรณาการด้านการข่าว นั้น ยอมรับว่ายังไม่สามารถฟันธงได้ว่ากลุ่มใด หากได้ตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 กรณี ก็จะขยายผลต่อไปได้

"เชื่อมั่นว่าตำรวจจะสืบสวนจนไปถึงกลุ่มที่ก่อเหตุได้ และทุกอย่างจะคลี่คลาย ในภาพรวมเรายังไม่ผู้ต้องสงสัยได้แค่วิเคราะห์ว่ากลุ่มใด แต่ต้องการสร้างความปั่นป่วนต่อการบริหารงานของรัฐบาล"พล.อ.เฉลิมชัยกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลมีความเกี่ยวข้องกับวันครบรอบ 3 ปีคสช.หรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า "ไม่ใช่ครบรอบคสช. แต่เพราะคนไม่ชอบคสช.ก็รอจังหวะเวลา โอกาส จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว จะกี่ปี กี่วัน ถ้ามีโอกาสก็ทำ แต่การทำในลักษณะนี้ค่อนข้างจะเกินเลยไปพอสมควร"

ทั้งนี้ในภาพรวมทุกพื้นที่ที่มีการก่อเหตุเป็นพื้นที่เปิด ประชาชนไปมาพลุกพล่าน เช่น ห้องรับรองในโรงพยาบาลนั้น ใครก็เข้าไปได้ เป็นลักษณะการอำพราง ทำเป็นมาเยี่ยมคนไข้ เอาวัสดุอุปกรณ์เข้าไป ยากในการป้องกันเพราะคิดว่าเป็นโรงพยาบาลจึงไม่ได้มีการป้องกัน มีการสแกน ต่อไปทุกครั้งต้องวางมาตรการป้องกันและขอความร่วมมือกับประชาชน

อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ยังไม่ต้องใช้กฎหมายพิเศษ ใช้กฎหมายปกติตามเดิม ในเรื่องการนำกำลังออกมาทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และน่าจะมีประชาชนแจ้งเบาะแสมากขึ้น เพราะมีประชาชนในพื้นที่พอสมควรด้วย เจ้าหน้าที่จะวางระบบรักษาความปลอดภัยมากขึ้น มีจุดตรวจสกัด มีกำลังด้านการข่าวในและนอกเครื่องแบบมากขึ้นในพื้นที่ล่อแหลม และเป็นเชิงรุกมากขึ้นไม่ใช่แค่ป้อมปราม

"เหตุการณ์นี้เป็นจุดที่เลวร้าย ปกติเขาก็ไม่ทำ โรงพยาบาล ในระหว่างสงคราม การรบยังไม่มีใครทิ้งระเบิดไปในโรงพยาบาลเลย แต่ครั้งนี้เอาระเบิดเข้าไปวางในโรงพยาบาล แล้วผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็ก คนชรา สังคมต้องช่วยกันประณาม คนในพื้นที่ต้องช่วยกันแจ้งเบาะแส เอาไว้ไม่ได้" พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว

ส่วนการวางไว้หน้าห้อง "วงษ์สุวรรณ" ที่เป็นนามสกุล พล.อ.ประวิตร จะโยง 3 ปีคสช. หรือไม่นั้น  พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า "ผมไม่รู้ว่าห้องอะไร คือการวางไว้ตรงไหนแล้วเกิดระเบิด ก็ไม่สมควรทั้งนั้น ผมไม่ทราบว่าห้องชื่อนั้นชื่อนี้"

อย่างไรก็ตามจะมีการเพิ่มอุปกรณ์ เรื่องกล้องวงจรปิด ส่วนราชการต้องดำเนินการให้เป็นรูปธรรม ในภาพรวมคือกทม. กล้องต้องมีคุณภาพ ส่วนเอกชนก็ต้องติดตั้งจะได้ร่วมกันได้ ถ้าเอกชนร่วมด้วยก็จะช่วยในการรักษาความปลอดัยในภาพรวมได้ ซึ่งกล้องวงจรปิดมีอยู่แล้วในที่เกิดเหตุ ขอเวลาในการไล่รายละเอียดภาพ ต้องย้อนเวลาไปช่วงเกิดเหตุว่าเวลาเท่าใด รอทางตำรวจชี้แจง

ส่วนการควบคุมสารตั้งต้นระเบิดนั้น มีกฎหมายควบคุมอยู่แล้ว ดินระเบิดแรงต่ำ เช่น พลุ ดอกไม้ไฟ  เมื่อนำมาใช้ลักษณะ แม้ผลไม่กว้างนัก แต่ก็เกิดการบาดเจ็บซึ่งต้องไปทบทวนถึงความเหมาะสมต่อไป