posttoday

"บิ๊กตู่" ขอศิษย์ธรรมกายอย่าขวางแนะ"ธัมมชโย"สู้คดี

23 กุมภาพันธ์ 2560

นายกฯ ขอศิษย์ธรรมกายอย่าขวางการตรวจค้น ให้ จนท. ยึด กม.จากเบาไปหนักจับ "ธัมมชโย" จี้มอบตัวทุกอย่างจบ ชี้ทำ'EIA-EHIA'เก่าใหม่ไม่ต่างกัน จะพิจารณาทั้ง2ส่วน

นายกฯ ขอศิษย์ธรรมกายอย่าขวางการตรวจค้น ให้ จนท. ยึด กม.จากเบาไปหนักจับ "ธัมมชโย" จี้มอบตัวทุกอย่างจบ ชี้ทำ'EIA-EHIA'เก่าใหม่ไม่ต่างกัน จะพิจารณาทั้ง2ส่วน

เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 23 กพ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการดำเนินคดีกับพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย  อดีตเจ้าอาสาววัดพระธรรมกาย และศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่ขณะนี้ยังมีปัญหาบานปลายอยู่ว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่จะต้องดำเนินการ ขอร้องว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงเลย ให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ประชาชน และพระต้องให้ความร่วมมือ เพราะถือว่าเป็นการทำงานภายใต้กฎหมาย ไม่ต้องการให้ใช้กฎหมู่มากดดันเจ้าหน้าที่ ไม่เช่นนั้นจะทำงานยาก สุดท้ายจะเกิดการกระทบกระทั่งจนบาดเจ็บสูญเสีย เพราะฉะนั้นใครที่กำลังเชียร์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่าลืมว่า หากมีลูกหลานของตัวเองอยู่ในสถานการณ์และพื้นที่ จะรู้สึกอย่างไรหากเกิดการบาดเจ็บสูญเสียล้มตายลงไป ก็ต้องเสียใจ

"ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับคนที่กระทำความผิด หรือไม่ผิด ก็ต้องออกมาแสดงความบริสุทธิ์ให้ได้ แค่นั้นทุกเรื่องก็จะจบลง ไม่ต้องเสียเวลา พลังงาน หรืองบประมาณ ในส่วนของภาครัฐไม่ทำก็ไม่ได้ ผมจึงอยากขอร้องสื่อมวลชนให้ลดการเสนอข่าวในเรื่องนี้ลงไปบ้าง เพราะถ้าสามารถลดการเสนอลงไปได้ การสร้างแนวร่วม การสร้างมวลชนก็จะลดลง และผมเองก็เป็นที่รักชีวิตของคนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใคร จะถูกหรือผิดก็ตาม เพราะเขาก็เป็นคนไทย และผมก็รักทุกคน เพียงแต่ว่าต้องรักษากฎหมาย กฎกติกาของบ้านเมือง" นายกฯ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองได้มอบนโยบายไปแล้วว่า ให้ปฏิบัติหน้าที่ และทำทุกอย่างตามกฎหมาย จากเบาไปหาหนัก ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องไตร่ตรอง และใคร่ครวญดู เพราะถ้าจะปฏิบัติแบบเบาไปทั้งหมดก็จะเกิดการยื้อเวลายาวนานไปหรือเปล่า แต่ถ้าหนักเกินไปจะเกิดความวุ่นวายกันหรือไม่ ตรงนี้ต้องไปตัดสินใจ เพราะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ต้องบังคับใช้กฎหมายก็เหลือแต่พวกเราที่จะต้องช่วยกันทำให้สังคมสงบให้ได้ ให้ผู้กระทำความผิดออกมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเรื่องก็จบ อย่าไปสร้างหรือนำเสนอว่าวันนี้เจ้าหน้าที่ถอยหลังอีก เสนอข่าวเช่นนี้เจ้าหน้าที่ก็อึดอัด เพราะในความเป็นจริงไม่มีใครอยากทำถ้าไม่ใช่กฎหมาย เพราะเจ้าหน้าที่เองไม่ต้องการให้ใครมาด่าหรือต่อว่า ซึ่งส่วนใหญ่ก็นับถือศาสนาพุทธ สังคมต้องไปดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถูกต้องหรือไม่ และควรต้องทำอย่างไร

"ไม่ได้หมายความว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าไปทำลายทิ้งทั้งหมด มันไม่ใช่ สมมติว่าถ้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ก็ต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับสถานที่ โดยเฉพาะที่เป็นสถานที่ในการทำบุญนั้น จะต้องไปอย่างไรขณะนี้ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน เพราะมีกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถ้าไม่ผิดกฎหมายอะไรเลยก็ทำอะไรไม่ได้ มันเป็นเรื่องของบุคคล" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวถึงกรณีนายศรายุทธ ตันเถียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอย้ายตัวเองว่า ก็แล้วแต่ ตนถามไปกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ปรากฎว่าราคาค่าธรรมเนียมเช่าอุทยานของนักท่องเที่ยวต่างชาติขึ้นมาตั้งแต่ปี 50 แล้ว แต่ทำไมถึงมีการมาเรียกร้องให้ลดค่าเช่าตอนนี้ก็ไม่รู้ ทั้งนี้ เมื่อเขาทำไม่ได้ก็ได้ขอย้าย ซึ่งไม่ได้ย้ายเพราะมีความผิดอะไร เขาขอย้ายเอง ตนไม่ได้ไปลงโทษอะไรเขา เป็นการรักษาไปตามกติกา"เมื่อเขาโดนกดดันมากๆก็เหมือนคนทำงานไม่สบายใจก็ย้ายได้" เมื่อถามว่า ตกลงการขอย้ายเกิดจากการถูกกดดันในพื้นที่ใช่หรือไม่ นายกฯตอบว่า ใครล่ะที่กดดัน ผู้ประกอบการ ไม่เห็นหรือในข่าว กฎหมาย กฎกระทรวงก็ออกมาแล้ว "แล้วมันทำได้ไหม เมื่อทำไม่ได้ ก็เปลี่ยนคนอื่นทำ"

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึง ความชัดเจนกรณีโครงการชะลอก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจ.กระบี่ว่า ในการให้จัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) และรายงานผลกระทบต่อสุขภาพ(อีเอชไอเอ)นั้น ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มกระบวนการใหม่หรือนำของเก่ามาทบทวนก็ไม่ต่างกัน เพราะหากทำใหม่ก็ต้องนำของเก่ามาทบทวนด้วย เนื่องจากข้อความเป็นอันเดียวกัน แต่นำมาทบทวนว่าทุกคนยอมรับหรือไม่

ส่วนที่มีคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.) ข้อเสนอให้มีการทำประชามติกรณีโครงการดังกล่าวนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวสั่นๆ ว่า "มันใช่หน้าที่ กกต.หรือเปล่า".