กลุ่มชาวสุราษฎร์ยื่นสปท.สอบผอ.สำนักงานกองทุนหมู่บ้าน

เครือข่ายคนรักกองทุนหมู่บ้านยื่นอนุกมธ.สอบผอ.สำนักงานกองทุนส่อทุจริต ด้าน "นที ขลิบทอง" ถามกลับทำไมไม่รอคุยกันทั้งที่มีการจัดประชุมใหญ่ทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 26 ก.ย. เครือข่ายคนรักกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง นำโดย นายสบาย ใสยรินทร์ ประธานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จ.สุราษฎร์ธานี ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ประธานอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษา เสนอแนะมาตรการและกลไกในการปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบ ในกมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)  เพื่อขอให้ตรวจสอบ นายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) กรณีมีพฤติกรรมส่อทุจริตในงบประมาณของกองทุน และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามพ.ร.บ.กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ  พ.ศ. 2547 จนทำให้เกิดความเสียหายแก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง

อย่างไรก็ดี จดหมายดังกล่าวมีรายละเอียดซึ่งเป็นข้อกล่าวหานายนทีดังนี้

1.ไม่สั่งหรือดำเนินการประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อเพื่อขอให้ละเว้นการเก็บภาษีหรือค่าธรรมเนียม ตามที่พ.ร.บ.กองทุนหมู่บ้านฯ มาตรา 5 วรรคสองกำหนด ทำให้ถูกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษี และให้หักภาษีตามโครงการเพิ่มความเข้มแข็งและเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐอย่างไม่สมควร เพราะการใช้เงินในกองทุนหมู่บ้านดังกล่าว ไม่ใช่เพื่อค้าขายหรือขายเอากำไรเหมือนกับผู้ประกอบการทั่วไป  ดังนั้นการกระทำของผู้อำนวยการ สทบ. เข้าข่ายการกระทำที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

2.ปกปิด ซ่อนเร้น ข้อมูลผลการประเมินการดำเนินงานทุนหมุนเวียนประจำปี โดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง รวมถึงปกปิดคดีที่ถูกฟ้องร้อง โดยไม่นำรายการประเมินผลชี้แจงต่อที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ซึ่งผลประเมินที่ผ่านมาพบว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำและกองทุนหมู่บ้าน ถูกจัดลำดับในกลุ่มที่ต้องปรับปรุงตามความเห็นของคณะกรรมการประเมินผลทุนหมุนเวียน ซึ่งสร้างความเสียหายและเสียโอกาสพัฒนากองทุน ซึ่งถือว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการใช้ดุลยพินิจที่ไม่ชอบและไม่เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนกำหนด

3. มีพฤติกรรมที่ส่อว่าจะทุจริตในงบประมาณฯ กรณีดำเนินโครงการเพื่อการวิจัย โดย ผอ.สทบ. มอบหมายให้คนสนิททำเรื่องจัดจ้างและตรวจรับงานวิจัย ภายใต้งบประมาณปีละล้านบาท แต่ผลงานวิจัยตามที่จัดจ้างไม่ปรากฎผลงานจริงรวมถึงไม่มีผลปฏิบัติตามงานวิจัยมาใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนากองทุนฯ อีกครั้งในการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ของ สทบ. นั้น พบว่ามีการเบิกจ่ายเงินเพื่อผลิตป้ายประชาสัมพันธ์ แต่ล่าสุดทางกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศยังไม่ได้รับป้ายประชาสัมพันธ์ดังกล่าวตามแผนการส่งมอบ อีกทั้ง ฝ่ายอำนวยการและฝ่ายตรวจรับงานปกปิดข้อมูลการตรวจรับและส่งมอบ ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ส่อการทุจริต

4.กองทุนหมู่บ้านได้ดำเนินการโครงการสถาบันการเรียนรู้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 84 แห่ง เพื่อเฉลิมพระเกียรติเพื่อพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2553 แต่ล่าสุดไม่มีความคืบหน้า และไม่มีการขับเคลื่อนโครงการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ ถือเป็นการกระทำที่ส่อทุจริต ดังนั้นตัวแทนเครือข่ายคนรักกองทุนหมู่บ้านฯ ขอร้องเรียนและกล่าวโทษนายนที เพราะมีเจตนาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่ผลให้เกิดความเสียหายแก่กองทุนหมู่บ้าน

นายสบาย กล่าวด้วยว่า ตามข้อกล่าวหาที่ยื่นนั้น ส่วนตัวมีเอกสารและหลักฐานชัดเจนว่าพฤติกรรมของนายนทีนั้นส่อทุจริตอย่างไรบ้าง โดยหลังจากนี้จะไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ต่อไป

ด้านนายนที กล่าวว่า เครือข่ายดังกล่าว ส่วนตัวไม่เคยเจอ ทำไมไม่มาคุยกัน หากจะบอกไม่ชอบ เกลียด หรือไม่พอใจ เลยไม่อยากคุยด้วยก็ไม่เป็นไร ขณะเดียวกัน นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานกองทุน ได้มีนโยบายให้จัดสัมมนาเครือข่ายกองทุนทั่วประเทศ เพื่อทำแผนยุทธศาสตร์ในปี 2560

ทั้งนี้ เพื่อระดมสรรพกำลังการคิดในทุกพื้นที่ ให้คุยกันว่าจะทำยุทธศาสตร์อย่างไร ทำไมไม่รอคุยกันทั้งประเทศ ทำไมคุยกันเฉพาะบางส่วน ไม่รอการประชุมใหญ่เพื่อคุยกันให้ชัดเจน แต่เป็นการประชุมตัดหน้าไม่ยอมรอฟังนโยบายรัฐมนตรีซึ่งทำไมไม่คิดรวมกับผลการประชุมเครือข่ายทั้งประเทศที่จะเกิดขึ้น เพราะกองทุนหมู่บ้านให้ประชาชนคิด ไม่ใช่ชี้นำ

ส่วนการประเมินกองทุนหมู่บ้านไม่มีประสิทธิภาพ ไม่รู้ว่าอยู่ในประเด็นอะไร ซึ่งให้เครือข่ายเป็นผู้ประเมิน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ กรุงไทย และผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย หากประชาชนบอกว่าภาคีเหล่านี้ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่รู้จะเชื่อใคร เพราะเครือข่ายที่ร่วมประเมินกับธนาคารและพช.ร่วมกันประเมินและดำเนินการ อยากบอกว่า กองทุน ได้รับประเมินจากกลไกที่เป็นระบบ

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าอาจจะล้าสมัยเพราะเกิดในปี 2555 แต่รัฐมนตรีปัจจุบันได้ให้ประเมินใหม่ใน 2559 โดยอยู่ในขั้นตอนการประเมิน ทำไมไม่รอประเมินหรือช่วยให้คำแนะนำ  ทำไมพูดกันในช่วงนี้ ยอมรับว่าถ้าพูดตอนนี้ คือ ความล้าสมัย แต่ได้เตรียมที่จะประเมินใหม่แล้ว

นายนที กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลนี้ชัดเจน คือ ฟื้นฟูกองทุนทุกกองทุนให้เดินไปข้างหน้าร่วมกัน ที่ผ่านมายอมรับมีปัญหาหมักหมม บางส่วนมีปัญหาของการฟ้องร้องและดำเนินการต่างๆ ของกองทุน นโยบายรัฐบาล พัฒนาและฟื้นฟูกองทุน สิ่งเหล่านี้รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ อยู่ระหว่างคัดกรองและดำเนินการให้ต่อเนื่อง

"ส่วนการใช้งบประมาณเหมาะสมหรือไม่ต้องเคลียร์ทีละเรื่อง ๆไป หลักการที่ไม่รอการคุยรวมกันและทำไมถึงรักกองทุนในช่วงที่จะเลือกตั้งปีหน้า ดูเหมือนมีสัญญาณปี่กลองเร่งเร้าให้รักกองทุนขึ้นมาหรืออย่างไรรัฐบาลปัจจุบันพยายามเน้นกองทุนประชารัฐ คือ ต้องการให้กองทุนได้มีโอกาสพัฒนาการลงทุน สร้างโครงสร้างพื้นฐานสร้างพัฒนาหมู่บ้านชุมชน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน เพราะฉะนั้น คงจะใช้กรอบแนวความคิดเดิมๆ ที่บอกว่ากองทุนต้องเดินไปตาม 1 2 3 4 5 จากของเดิมคงไม่ใช่ เพราะสถานาการณ์เปลี่ยนไป และรัฐบาลอยากให้กองทุนมีบทบาทในการพัฒนากองทุนหมู่บ้านชุมชุนมากยิ่งขึ้น จึงต้องยอมรับบริบทที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนหมู่บ้าน"นายนที กล่าว

ขณะเดียวกัน ของเดิมตั้งกองทุนมาแล้วให้สมาชิกกู้ยืม แต่วันนี้รัฐบาลให้กองทุนเป็นแหล่งกู้ยืมแล้ว รัฐบาลยังให้กองทุนทำโครงการประชารัฐ เพื่อเป็นการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นครั้งแรกกองทุน ถามว่ากองทุนพอใจหรือไม่ ตอบว่า ซึ่งวันนี้กองทุนสามารถเดินหน้าได้ตามเป้าเกือบ 90% ถ้าไม่พอใจ กองทุนคงไม่ดำเนินการโครงการประชารัฐ 90% ถ้าจะดูกองทุนหมู่บ้าน ก็ต้องดูกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงไป กับเหตุการณ์ที่เหมาะสม

ทั้งนี้ อย่าใช้กรอบแนวความคิดเดิม ถ้าบอกว่า จะปฏิรูปกองทุนหมู่บ้าน ต้องปฏิรูปสำนักงานก่อน ก็อยากต่อยอดว่า จะปฏิรูปอะไร อยากปฏิรูปความคิดของคนที่จะปฏิรูปก่อน ให้ความคิดคนปฏิรูปเข้าใจในทิศทางดำเนินการก่อน ประโยชน์จะเกิดขึ้นร่วมกันได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่และดำเนินการครั้งแรก หลายเรื่องหลานคนอาจไม่เข้าใจ สับสน จำเป็นต้องใช้เวลาทำความเข้าใจเรื่องนี้ต่อไป