posttoday

ธีรรัตน์ จงประเสริฐ ความฝันคือพลังไปถึงจุดหมาย

17 สิงหาคม 2560

ผู้หญิงกับรถยนต์อาจดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่สำหรับ แคท-ธีรรัตน์ จงประเสริฐ รองประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีทีเอส กรุ๊ป

เรื่อง พุสดี สิริวัชระเมตตาภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

ผู้หญิงกับรถยนต์อาจดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่สำหรับ แคท-ธีรรัตน์ จงประเสริฐ รองประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีทีเอส กรุ๊ป บริษัทผู้นำเข้านวัตกรรมเทคโนโลยีการเคลือบแก้วสีรถยนต์ด้วยระบบ Crystal Sealed กลับมองว่า รถยนต์ ไม่ใช่แค่ยานพาหนะที่พาเธอได้ยังจุดหมายต่างๆ เท่านั้น แต่เครื่องยนต์ 4 ล้อนี้กลับเป็นองค์ประกอบสำคัญในทุกจังหวะของชีวิต

"ทุกครั้งที่มองรถยนต์ 1 คัน สำหรับแคทมันไม่ใช่ยานพาหนะ แต่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิตเรา เป็นสิ่งที่เราชอบ จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพที่รัก แคทเชื่อว่า ถ้าแม้แต่รถของเราเองเรายังไม่รัก เราจะรักรถของลูกค้าที่วางใจมาใช้บริการของเราได้อย่างไร"

ผู้บริหารสาวสวยที่ถึงจะควบฐานะคุณแม่ลูกสี่ แต่ยังดูแลตัวเองได้อย่างไร้ที่ติ เปิดฉากเล่าถึงความรักที่มีต่อรถอย่างน่าสนใจ ก่อนจะพาย้อนวันวานไปถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเข้าสู่วงการรถอย่างเต็มตัวว่า เรียนจบด้านประชาสัมพันธ์ จากมหาวิทยาลัยรังสิต ในช่วงที่กำลังเดินตามเส้นทางที่เลือก ด้วยการฝึกงานด้านประชาสัมพันธ์ที่สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ปรากฏว่ามีรุ่นพี่ที่รู้จักมาชวนให้ไปเป็นเซลขายรถ ด้วยความเป็นเด็ก บวกกับมีใจรักงานขายเป็นทุนเดิม พอเห็นว่า งานเซลสามารถทำรายได้ค่อนข้างดี จึงตัดสินใจเบนเข็มไปหาประสบการณ์ในด้านการขายอย่างไม่ลังเล

ธีรรัตน์ จงประเสริฐ ความฝันคือพลังไปถึงจุดหมาย

"ตอนที่รุ่นพี่มาชวน เขาบอกว่าอาชีพเซลได้เงินเดือนเป็นแสน พอได้ยินแบบนี้ วันรุ่งขึ้นแคทตัดสินใจไปสมัครเลย (หัวเราะ) ตอนนั้นแคทอายุ 23 ปี ทำงานแค่ 3 เดือนแรก ก็ได้เงินเดือน 8.7 หมื่นบาทแล้ว ถ้าทำงานประจำทั่วไป ย้อนไปสิบกว่าปีที่แล้วเงินเดือนเริ่มต้นคงประมาณ 1 หมื่นบาท บวกลบคูณหารแล้วสู้อาชีพเซลไม่ได้เลย"

จากจุดเริ่มต้นในวันนั้น ได้นำพาให้เธอเข้ามาโลดแล่นในวงการลักซ์ชัวรี่คาร์อยู่ถึง 10 ปี ขยับจากเซลกลายเป็น ผู้จัดการ สำหรับแคทอาชีพนี้ไม่เพียงทำให้เธอได้พบรักกับสามีซึ่งเคยทำงานที่เดียวกัน แต่ยังเป็นใบเบิกทางสำคัญ ที่ทำให้เธอค้นพบว่า ตัวเองมีแพสชั่นและความหลงใหล เกี่ยวกับรถแบบที่ไม่คาดคิด แม้จะไม่ถึงขั้นลงลึกถึงเครื่องยนต์กลไก แต่ก็มีความสนใจ ชอบศึกษาฟังก์ชั่นและดีไซน์ใหม่ๆ ของรถที่ออกมา

"ด้วยความที่สามีแคทเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น มีครั้งหนึ่งเรากลับไปเยี่ยมบ้านเขาที่ญี่ปุ่น ปรากฏว่าเราไปเจอรถคันหนึ่ง ไม่ใช่รถใหม่นะ แต่สีด้านนอกของรถเขาเงามาก ประหนึ่งรถใหม่ที่เพิ่งถอยออกจากศูนย์ แคทเจอรถคันนี้ตอนไปช็อปปิ้ง เชื่อมั้ยว่า แคทและสามีไม่ไปไหน อยู่ตรงนั้นรอเจอเจ้าของรถเพื่อถามให้หายข้องใจว่า เขามีวิธีทำอย่างไรให้รถดูเอี่ยมขนาดนี้ แคทรอจนเจอถึงได้รู้ว่า รถคันนั้นเขาใช้มา 4-5 ปีแล้ว แต่ที่สียังดูดีเพราะเขาเคลือบสีรถยนต์ด้วยระบบ Crystal Sealed พอเขาเฉลยมาแค่นั้น วันรุ่งขึ้นแคท สามี และลูก ยกเลิกแผนที่จะไปเที่ยวเลย เพื่อตามไปดูเทคโนโลยีที่เขาเล่าให้ฟัง"

ธีรรัตน์ จงประเสริฐ ความฝันคือพลังไปถึงจุดหมาย

แคท บอกว่า เหตุผลที่ทำให้เธอและสามีสนใจเทคโนโลยีนี้มาก เพราะคลุกคลีอยู่ในวงการรถหรูมานาน จึงรู้ดีว่า สิ่งที่ลูกค้าลักซ์ชัวรี่คาร์ปรารถนา คือ อยากให้สีของรถดูดีเหมือนวันแรกที่ออกจากศูนย์ เพราะฉะนั้นพอมาเจอเทคโนโลยีนี้ถึงตื่นเต้น และอยากไปดูให้เห็นกับตา

"พอไปถึงศูนย์จริง จากแค่อยากรู้ สามีของแคทคิดไปไกลกว่านั้น เพราะสนใจนำนวัตกรรมดูแลสีรถนี้เข้ามาในเมืองไทย ซึ่งถือเป็นโจทย์ใหญ่พอสมควร เพราะไม่ใช่แค่ต้องใช้เงินลงทุนหลักสิบล้าน แล้วยังต้องบินมาเรียนเทคนิคดังกล่าวด้วยตัวเอง ซึ่งถ้าย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน นวัตกรรมแบบนี้เป็นเรื่องใหม่มากสำหรับคนไทย จนนึกภาพไม่ออกว่าใครจะยอมจ่ายเงินหลายหมื่นบาทเพื่อเคลือบสีรถ เพราะสมัยนั้นราคาเคลือบสีรถทั่วไปอยู่แค่ 700 บาทเท่านั้น"

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การตัดสินใจครั้งนั้นยากขนาดไหน เพราะแคทเองก็ยอมรับว่า ด้วยฐานะของทั้งคู่ตอนนั้น ถ้ายังเป็นมนุษย์เงินเดือนก็สามารถอยู่ได้สบาย ยังคล่องตัวแม้จะต้องเลี้ยงดูลูกสองคน ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากการทำธุรกิจ

"แคทว่า คนที่จะตัดสินใจแบบเรามีแค่ 1% เพราะตอนนั้นชีวิตเราลงตัวมาก แคทและสามีเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่ง รายได้ 2 คนรวมกันหลักแสนอยู่แล้ว อยู่ได้สบายๆ โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยง" แคทเล่าต่ออย่างออกรสว่า ด้วยความรักรถของเราทั้งคู่ บวกกับความฝันที่อยากจะมีธุรกิจของตัวเอง ทำให้สุดท้ายตัดสินใจเดิมพันครั้งสำคัญ ให้สามีลาออกจากงานเพื่อไปเรียนรู้นวัตกรรมดังกล่าว ขณะที่แคทยังคงทำงานประจำต่อไป

ธีรรัตน์ จงประเสริฐ ความฝันคือพลังไปถึงจุดหมาย

"ช่วงแรกๆ ที่มาเปิดบริการ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่าๆ ที่เคยซื้อรถกับเรา ถามว่าท้อมั้ย เหนื่อยมั้ย แน่นอน แต่เพราะเราใช้ความฝันเป็นตัวนำในการทำธุรกิจ เลยทำให้เราสู้ พอบวกด้วยภาระต่างๆ ที่เรามี ทำให้เรายิ่งอดทน และบอกตัวเองว่ายอมแพ้ไม่ได้ หลังจากเปิดได้ไม่กี่เดือน อาศัยการบอกต่อปากต่อปาก ทำให้เราเริ่มมีลูกค้าเยอะขึ้น สุดท้ายเพื่อดูแลลูกค้าให้ได้เต็มที่ แคทตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาช่วยดูแลธุรกิจเต็มตัว เพราะหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจของเราคือ ความพึงพอใจของลูกค้า"

แคทยอมรับว่า นับตั้งแต่ก้าวแรกที่เริ่มต้นทำธุรกิจ เธอและสามีไม่เคยคิดว่าจะทำได้หรือไม่ได้ คิดเพียงว่า อยากทำตามความฝันให้สำเร็จ และเมื่อเดินทางมาถึงวันนี้ ที่ธุรกิจของเธอเติบโตจากสาขาเดียวกลายเป็น 4 สาขา พนักงานจาก 10 คนเพิ่มขึ้นเป็น 100 คน แถมธุรกิจไม่ได้เติบโตแต่ในประเทศ เพราะในปีนี้ยังมีแผนจะขยายไปในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านและยุโรป จึงอดภาคภูมิใจไม่ได้

"ธุรกิจของเรามาไกลกว่าที่ฝันไว้เยอะ จากนี้เป้าหมายในการทำธุรกิจของเรา คือทำอย่างไรให้รักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ พร้อมเปิดรับลูกค้าใหม่ที่เข้ามา เราทำธุรกิจโดยใช้ความพึงพอใจของลูกค้าเป็นที่ตั้งเสมอ ถึงเราจะครองตลาดลักซ์ชัวรี่คาร์ และซูเปอร์คาร์ถึง 80% แต่เราไม่ได้จำกัดกรอบลูกค้ากลุ่มนี้เท่านั้น เรายินดีตอบสนองใครก็ตามที่รักรถด้วย"

จากประสบการณ์ชีวิตที่เริ่มตั้งสร้างตัวด้วยสองมือ ทำให้คุณแม่คนเก่งมักย้ำกับลูกๆ ทั้ง 4 เสมอว่า ถ้าเขาอยากประสบความสำเร็จ อย่าคิดว่าจะพ่อแม่มีอะไร แต่ให้คิดว่าจะสร้างตัวเองอย่างไร "สิ่งที่แคทพยายามปลูกฝังลูกเสมอคือ ทักษะการขายคือหัวใจของธุรกิจ ถ้าเราไม่ลงไปสัมผัสกับลูกค้าเองไม่ผ่านงานขาย หรืองานดูแลลูกค้าเราไม่มีทางทำธุรกิจได้ สำหรับแคท ยกให้ลูกค้าทุกคนเป็นครูของแคท แคทมีวันนี้ได้ก็เพราะลูกค้าของแคททุกคน ตั้งแต่วันแรกที่แคทตัดสินใจเป็นเซลขายรถ"

นอกจากบทบาทผู้บริหารหญิงที่ทำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ในฐานะเวิร์กกิ้งมัม แคทก็สามารถทำหน้าที่ได้อย่างไม่มีตกหล่น ถึงตารางงานจะรัดตัว แต่เธอพยายามจัดสรรเวลา ให้ทุกเย็นเป็นเวลาที่ได้อยู่กับลูกๆ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันว่าแต่ละวันไปเจออะไรมา ส่วนวันอาทิตย์ก็จะหาเวลาว่างไปทำกิจกรรมด้วยกัน

"เวลาว่าง แคทชอบออกกำลังกาย เพราะด้วยความ ที่เราทำงานเยอะ เดินทางบ่อย ต้องอาศัยการยืดเส้นช่วย ผ่อนคลาย เรียกความสดชื่น ยิ่งออกกำลังแคทยิ่งเห็น ประโยชน์เลยพยายามชักชวนให้ลูกๆ มาออกกำลังกายด้วยกันเสมอ กลายเป็นอีกช่วงเวลาดีๆ ที่ได้อยู่ด้วยกัน" แคท กล่าวทิ้งท้าย n