posttoday

ลุ้นกลุ่มท่องเที่ยว

06 ธันวาคม 2559

โดย...บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย

โดย...บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย

รัฐบาลเริ่มออกมาตรการในการช่วยภาคการท่องเที่ยว ไล่ตั้งแต่ การออกมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยกเว้นค่าธรรมเนียมค่าวีซ่า 1,000 บาทต่อคน และ ลดค่าธรรรมเนียมวีซ่าที่ช่องทางอนุญาตด่านตรวจคนเข้าเมือง จาก 2,000 บาทต่อคนเหลือ 1,000 บาทต่อคน เริ่ม 1 ธ.ค. – 28 ก.พ.60

ทั้งนี้ ในส่วนของการปรับลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองนั้น ได้กำหนดให้ปรับลดลงจำนวน 19 ประเทศ ได้แก่ อันดอร์รา บัลแกเรีย ภูฏาน จีน ไซปรัส เอธิโอเปีย อินเดีย คาซัคสถาน ลัตเวีย ลิทัวเนีย มัลดีฟส์ มอลตา มอริเชียส โรมาเนีย ซานมาริโน ซาอุดิอาระเบีย ไต้หวัน ยูเครน และอุซเบกิสถาน

โดยทางการคาดว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว 3.57 แสนคน และรายได้เพิ่มจากการท่องเที่ยวเพิ่ม 2.87 หมื่นล้านบาท

นอกจากการลดค่าธรรรมเนียมดังกล่าวแล้ว รัฐบาลยังออกมาตรการหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าใช้จ่ายค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการนำเที่ยว และค่าที่พักในโรงแรม สำหรับการเดินทางภายในประเทศระหว่าง 1-31 ธ.ค.59 ตามจำนวนเงินที่จ่ายจริงแต่รวมกันแล้วไม่เกิน 15,000 บาท เมื่อรวมกับมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวเดิมในการหักลดหย่อนภาษีไม่เกิน 15,000 บาท (ระหว่าง 1 ม.ค. – 31 ธ.ค.59) ทำให้สามารถหักภาษีได้รวมสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท

มองมาตรการดังกล่าวเป็นการช่วยภาคท่องเที่ยวโดยตรง และแรงมากขึ้นกว่ามาตรการในช่วงปลายปี 2558 ที่เป็นมาตรการหักลดหย่อนภาษีสำหรับท่องเที่ยว 15,000 บาท และมาตรการหักลดหย่อนสำหรับค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าระหว่าง 25-31 ธ.ค.58 ไม่เกิน 15,000 บาท 

ขนาดและระยะเวลาของมาตรการที่มากขึ้น คาดว่าจะช่วยกระตุ้นและช่วยภาคการท่องเที่ยวขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง หลังจากซบเซาลงไปเนื่องจากมีการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ และการไว้ทุกข์ของประชาชนในประเทศ ทั้งนี้กลุ่มโรงแรมจะเป็นกลุ่มที่รับประโยชน์โดยตรงทั้ง ERW MINT CENTEL และสนามบิน AOT ส่วนสายการบินกลุ่ม Low Cost Airline อย่าง AAV จะได้ประโยชน์มากกว่า กลุ่ม Full Service อย่าง BA หรือ THAI

คาดว่าระยะสั้นจะเกิด Sentiment เชิงบวกต่อการเก็งกำไรในกลุ่มโรงแรมและขนส่งทางอากาศที่กำลังซบเซาให้ปรับเพิ่มขึ้นมาได้ หากย้อนกลับไปดูการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเมื่อปลายปี 2558 จะพบว่า กลุ่มท่องเที่ยวมีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงเดือน ธ.ค. กว่า2.52% ก่อนที่จะถูกขายทำกำไรในช่วงท้ายจนติดลบ -0.86% ซึ่งอาจเป็นผลมาจากที่ราคาหุ้นมีการขึ้นมาตั้งแต่เดือน พ.ย.58 กว่า 9.92% โดย ERW ปรับขึ้นสูงสุดในเดือน ธ.ค.58 กว่า 6.67% ก่อนจะลดช่วงบวกเหลือ 1.9% เช่นเดียวกับ CENTEL บวกสูงสุด 6.63% ก่อนจะถูกขายทำกำไรจนติดลบ -2.76% และ MINT บวกสูงสุด 2.72% ก่อนจะลงติดลบ -1.36%