posttoday

คลังเล็งปัดฝุ่นประกันพืชผล

24 เมษายน 2560

คลังนัด ธ.ก.ส.หารือมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เตรียมปัดฝุ่นโครงการประกันรายได้ พร้อมขยายการประกันภัยพืชผล

คลังนัด ธ.ก.ส.หารือมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เตรียมปัดฝุ่นโครงการประกันรายได้ พร้อมขยายการประกันภัยพืชผล

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ทางกระทรวงการคลังเตรียมเรียก ธ.ก.ส.ไปหารือถึงแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกข้าวในฤดูกาลผลิตปี 2560 เบื้องต้นได้เสนอให้มีการศึกษาแนวทางการดูแลเกษตรกรโดยยกรูปแบบของต่างประเทศ เช่น โครงการประกันภัยพืชผล และการนำโครงการประกันรายได้ในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์มาศึกษา รวมทั้งพิจารณามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวในปี 2559 พิจารณาข้อดีข้อเสียของแต่ละแนวทาง เพื่อนำมาปรับใช้เป็นมาตรการที่ช่วยเหลือเกษตรกรให้มีความยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาลต่อไป

นอกจากนี้ ในส่วนของการประกันภัยพืชผล ทางนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้ให้แนวคิดเรื่องการขยายการค้ำประกันไปยังพืชเศรษฐกิจตัวอื่น เช่น ข้าวโพดและมันสำปะหลัง แต่เนื่องจากพืชดังกล่าวมีลักษณะที่ไม่เหมือนกับข้าว จึงต้องรอการจัดเก็บข้อมูลการปลูกและความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ เพื่อนำข้อมูลไปเสนอให้บริษัทประกัน คาดว่าเรื่องขยายการรับประกันไปยังพืชอื่นนอกเหนือจากข้าว น่าจะยังไม่สามารถดำเนินการได้ภายในปีนี้

สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวในปีก่อน มีการใช้หลายมาตรการพร้อมกัน ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลผลิต 2559/2560 และโครงการให้ความช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่ชาวนาผู้ปลูกข้าวหอมมะลิฤดูกาลผลิต 2559/2560

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาชาวนาที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับเงินเป็นสินเชื่อเพื่อชะลอการขายจาก ธ.ก.ส.ตันละ 9,500 บาท ระยะเวลาคืนเงินไม่เกิน 5 เดือน ไม่มีดอกเบี้ย และได้รับเงินช่วยเหลือค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉางตันละ 1,500 บาท โดยได้รับเงินทันทีตันละ 1,000 บาท และเมื่อมีการไถ่ถอนจะได้รับอีกตันละ 500 บาท

นอกจากนี้ ชาวนาจะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวอีกตันละ 2,000 บาท หรือกำหนดไร่ละ 800 บาท รายละไม่เกิน 15 ไร่ รวมเป็นเงิน 1.2-1.3 หมื่นบาท/ตันข้าวเปลือก ส่วนชาวนาที่ไม่มียุ้งฉางเก็บข้าวเปลือกไว้รอราคาและต้องขายข้าวเปลือกเอง ได้รับเงินช่วยเหลือตันละ 2,000 บาท เพิ่มเติมจากราคาข้าวเปลือกที่ขายได้เช่นเดียวกัน