posttoday

สมคิดถกจีนเพิ่มลงทุนรถไฟ

27 มกราคม 2559

สมคิดบินถกจีน เพิ่มสัดส่วนลงทุนรถไฟ เร่งหาช่องก่อสร้างให้ได้ในเดือน พ.ค.นี้ คมนาคมบี้ลดเงินลงทุนสายสีส้ม

สมคิดบินถกจีน เพิ่มสัดส่วนลงทุนรถไฟ เร่งหาช่องก่อสร้างให้ได้ในเดือน พ.ค.นี้ คมนาคมบี้ลดเงินลงทุนสายสีส้ม

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 ม.ค.นี้ จะร่วมเดินทางไปประเทศจีนกับคณะของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรถไฟไทย-จีน ในเส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอยนครราชสีมา-หนองคาย และแก่งคอยมาบตาพุด ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว และขอยืนยันว่าจะเดินหน้าโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้

ทั้งนี้ รมว.คมนาคม ชี้แจงว่า การหารือร่วมกันในครั้งนี้ ทางการไทยจะยืนยันให้รัฐบาลจีนมีส่วนร่วมในโครงการดังกล่าวมากขึ้น โดยเฉพาะสัดส่วนการลงทุน ซึ่งในการหารือร่วมกันครั้งที่แล้ว ทางไทยได้แจ้งจีนไปแล้ว ส่วนจะเป็นเท่าไหร่ ไทยขอตรวจสอบในเรื่องของต้นทุนของการดำเนินโครงการทั้งหมดให้แล้วเสร็จเรียบร้อยก่อน ขณะเดียวกันก็จะหาวิธีทำให้โครงการสามารถเดินหน้าก่อสร้างได้ในเดือน พ.ค.นี้ ตามเป้าหมาย

"เรื่องที่รองนายกฯ ต้องการเร่งรัดมากที่สุด คงเป็นสัดส่วนการลงทุน คือ ให้จีนมีสัดส่วนที่มาก กว่า และเรื่องการก่อสร้างว่าจะเริ่มตามแผนได้อย่างไร ซึ่งในการหารือกับจีนในครั้งที่ผ่านมาได้แจ้งจีนไปแล้ว ทางจีนก็รับปากว่าจะไปพิจารณาปรับลดในบางเรื่อง เช่น ลดในส่วนของแบบการก่อสร้าง เพื่อให้สามารถก่อสร้างได้ เพราะการก่อสร้างจะแบ่งเป็นช่วงอยู่แล้ว ไม่ได้ก่อสร้างพร้อมกันทั้งหมด โดยช่วงแรกที่จะก่อสร้างก่อน คือ ช่วงกรุงเทพฯ-แก่งคอยนครราชสีมา" นายอาคม กล่าว

นายอาคม กล่าวว่า เรื่องสำคัญที่ทางการไทยเน้นมากที่สุด คือ การเงินและสัดส่วนการลงทุน ซึ่งนายสมคิดได้มอบหมายให้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ไปพิจารณาในรายละเอียดให้ชัดเจนแล้ว ส่วนมูลค่าโครงการยังไม่แน่นอน อยู่ระหว่างให้บริษัทที่ปรึกษาพิจารณารายละเอียดต่างๆ ให้ชัดเจน

ทั้งนี้ ทางการไทยต้องการขยายสัดส่วนการลงทุนของจีนให้เพิ่มขึ้นจากที่เคยกำหนดสัดส่วนไทย 40% จีน 60% โดยอาจจะปรับเป็นไทย 30% จีน 70%

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสาย สีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ระยะทาง 21.2 กิโลเมตรนั้น นายอาคม ชี้แจงว่า กระทรวงคมนาคมได้ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กลับไปพิจารณาปรับลดตัวเลขกรอบวงเงินลงทุนใหม่อีกครั้ง หลังจากที่บอร์ด รฟม.มีมติเห็นชอบการปรับกรอบเงินลงทุนจากกรอบเดิม 95,108 ล้านบาท ลงอีก 1,028 ล้านบาท เหลือ 94,080 ล้านบาท แต่พบว่าราคาที่ปรับลดลงเป็นการนำเฉพาะต้นทุนน้ำมันมาพิจารณาเท่านั้น

"หลักการปรับลดวงเงินตามนโยบายของรัฐบาล คือ จะต้องไปปรับลดวงเงินการลงทุน โดยพิจารณาปรับเปลี่ยนมาใช้วัสดุ อุปกรณ์ก่อสร้างที่ผลิตขึ้นเองภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น แต่วงเงินที่ รฟม.ปรับลดยังไม่ได้คำนวณเรื่องการปรับเปลี่ยนมาใช้วัสดุในประเทศ จึงต้องให้ไปพิจารณาและส่งเรื่องกลับมาใหม่อีกครั้ง" นายอาคม กล่าว