จีนเตือนโสมแดงหยุดซ่า หลัง UN คว่ำบาตรแรงสุด

รัฐมนตรีต่างประเทศจีนเตือนเกาหลีเหนือสงบสติอารมณ์ไว้ หลังจากถูกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติให้คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือในอัตราที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อเป็นการลงโทษฐานทดลองขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่จีนซึ่งเป็นประเทศที่ให้การสนับสนุนและเป็นพันธมิตรของเกาหลีเหนือมาโดยตลอด ไม่เพียงเห็นพ้องกับมติดังกล่าว แต่ยังออกปากเตือนให้ประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดตัดสินใจทำอะไรอย่างรอบคอบมากขึ้น

มารตการคว่ำบาตรเน้นไปที่การห้ามเกาหลีเหนือส่งออกและประเทศอื่นๆ ซื้อสินค้าจากเกาหลีเหนือหลายประเภท คิดเป็นสัดส่วนการส่งออกทั้งหมดถึง 1 ใน 3 หรือมีมูลค่าถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทั้งหมด 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการห้ามส่งออกถ่านหิน ซึ่งถือเป็นสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูงที่สุด ทำรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ยังมีการส่งออกแร่เหล็ก ตะกั่ว ปลาและอาหารทะเล นอกจากนี้ มาตรการล่าสุดยังห้ามประเทศต่างๆ ว่าจ้างแรงงานชาวเกาหลีเหนือ ซึ่งการส่งออกแรงงานเป็นหนึ่งในรายได้หลักของประเทศนี้อีกอย่างหนึ่ง และยังห้ามร่วมทุนทางธุรกิจกับบริษัทต่างๆ ของเกาหลีเหนือ

มติของ UNSC ดังกล่าวร่างขึ้นโดยรัฐบาลสหรัฐและผ่านการหารือกับรัฐบาลจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงผ่านที่ประชุมโดยไม่มีเสียงคัดค้าน โดยจุดประสงค์ของมาตรการนี้ก็เพื่อกดดันให้เกาหลีเหนือยุติท่าทีก้าวร้าว และหันกลับมาเจรจากับนานาประเทศเพื่อยุติการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ จึงใช้วิธีการกดดันที่รุนแรงขึ้น เพราะที่ผ่านมามีการใช้มาตรการคว่ำบาตรถึง 6 ครั้ง แต่เกาหลีเหนือยังคงไม่สะทกสะท้าน

นิกกี้ เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุด และไม่เคยมีประเทศใดที่ถูกคว่ำบาตรในระดับนี้มาก่อนในยุคปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายจะต้องไม่ด่วนสรุปว่าสามารถแก้วิกฤตเกาหลีเหนือได้แล้ว เพราะทางออกของปัญหายังอยู่ห่างไกล

ด้าน หวางอี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน หารือกับ อีฮงโย ผู้แทนเกาหลีเหนือ ระหว่างร่วมประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ โดยบอกกับฝ่ายเกาหลีเหนือให้สงบสติอารมณ์ไว้ และควรจะตัดสินใจด้วยความชาญฉลาดอย่างรอบคอบมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจีนได้เอ่ยปากเตือนอย่างตรงไปตรงมาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเช่นกันว่า อย่าได้ละเมิดมติของสหประชาชาติ หรือทำการยั่วยุประชาคมโลกด้วยการทดสอบขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์อีก

หวางย้ำด้วยว่า การเจรจาเป็นหนทางเดียวที่จะแก้ปัญหาดังกล่าว หลังจากที่สหรัฐเริ่มแสดงท่าทีที่จะใช้มาตรการทางการทหารตอบโต้ หวางยังเรียกร้องให้รื้อฟื้นเวทีการเจรจา 6 ฝ่ายเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี อันประกอบไปด้วย สหรัฐ จีน รัสเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้

ภาพ...เอเอฟพี

ที่มา www.m2fnews.com