posttoday

กษัตริย์เนเธอร์แลนด์เผย ทรงงานพาร์ทไทม์เป็นนักบินมาตลอด 21 ปี

18 พฤษภาคม 2560

สมเด็จพระราชาธิบดีวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ทรงให้สัมภาษณ์ถึงงานพาร์ทไทม์ในฐานะผู้ช่วยนักบิน ซึ่งเป็นงานอดิเรก

สมเด็จพระราชาธิบดีวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ทรงให้สัมภาษณ์ถึงงานพาร์ทไทม์ในฐานะผู้ช่วยนักบิน ซึ่งเป็นงานอดิเรก

สมเด็จพระราชาธิบดีวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ แห่งเนเธอร์แลนด์ ทรงเปิดเผยว่าพระองค์ทรงงานพาร์ทไทม์ ควบคู่กับพระราชกรณียกิจในฐานะประมุขของประเทศมาตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา

รายงานดังกล่าวถูกเผยแพร่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา จากบทสัมภาษณ์พระองค์ โดยหนังสือพิมพ์เดอะเทเลกราฟ ของเนเธอร์แลนด์ พระองค์ตรัสว่าตลอด 21 ปีที่ผ่านมา พระองค์ทรงเป็นนักบินผู้ช่วยของสายการบิน KLM สายการบินแห่งชาติของประเทศ โดยทรงงาน 2 ครั้งต่อเดือน

และขณะนี้พระองค์ทรงเตรียมที่จะเรียนรู้การขับเครื่องบินรุ่น โบอิ้ง 737S เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากทางสายการบินมีแผนที่จะเปลี่ยนเครื่องบินรุ่น Fokker 70 ที่พระองค์ทรงขับประจำเป็นโบอิ้ง 737S

ประมุขของประชาชนชาวเนเธอร์แลนด์ราว 17 ล้านคนผู้นี้ ทรงโปรดปรานการบินอย่างมาก โดยระบุว่าเป็นงานอดิเรกที่ทำเพื่อผ่อนคลายจากพระราชกรณียกิจทั้งหลาย รวมทั้งยืนยันที่จะทรงงานพาร์ทไทม์นี้ต่อไปเรื่อยๆในอนาคต

"คุณมีเครื่องบิน ลูกเรือ และผู้โดยสารที่ต้องรับผิดชอบ" สมเด็จพระราชาธิบดีวิลเลียมตรัส "คุณไม่สามารถเอาปัญหาต่างๆขึ้นไปบนนั้นด้วยได้ คุณต้องมีสมาธิ และโฟกัสอยู่กับสิ่งที่ทำ ปลดปล่อยตนออกจากทุกอย่าง ดังนั้นสำหรับข้าพเจ้าการได้บินจึงเป็นการผ่อนคลาย"

อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้เป็นความลับ พระองค์ตรัสว่ามีบางครั้งเช่นกันที่ผู้โดยสารจดจำพระองค์ได้ "ก่อนหน้า 9/11 ประตูห้องนักบินจะเปิดทิ้งไว้ ผู็โดยสารบางคนจะทักทาย บ้างก็พากันตกใจที่พบข้าพเจ้านั่งอยู่ในห้องนั้น" พระองค์ตรัส ในขณะที่ผู้โดยสารบางคนก็จดจำพระองค์ได้ในขณะที่กำลังเสด็จในสนามบินอัมสเตอร์ดัม

ทั้งนี้ในช่วงเวลาที่กัปตันต้องแนะนำตัวกับผู้โดยสาร ในฐานะของนักบินผู้ช่วยพระองค์ไม่ได้ใช้พระนามจริง อย่างไรก็ดีมีบ้างที่ผู้โดยสารจดจำพระสุรเสียงของพระองค์ได้ แต่เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก "จริงๆแล้วคนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจฟังนัก" พระองค์ตรัส

กษัตริย์เนเธอร์แลนด์เผย ทรงงานพาร์ทไทม์เป็นนักบินมาตลอด 21 ปี สมเด็จพระราชาธิบดีวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ และกัปตัน Maarten Putman

 

 

ขอบคุณภาพจาก The Guardian