posttoday

พ่อค้าสิงคโปร์แสบ จ่ายเหรียญประชดลูกค้า

05 พฤศจิกายน 2557

พ่อค้าสิงคโปร์สุดกวนจ่ายเงินหลักพันคืนลูกค้าเป็นเหรียญล้วน หลังโก่งราคาไอโฟน6พลัสแพงเท่าตัว

พ่อค้าสิงคโปร์สุดกวนจ่ายเงินหลักพันคืนลูกค้าเป็นเหรียญล้วน หลังโก่งราคาไอโฟน6พลัสแพงเท่าตัว

สิงคโปร์ แหล่งช็อปปิ้งรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก กลายเป็นกรณีอื้อฉาวอย่างหนักในโลกออนไลน์ขณะนี้ หลังมีข่าวว่า นักศึกษาหญิงชาวจีนรายหนึ่งถูกร้านขายอุปกรณ์สื่อสารเล่นกล โก่งราคาค่าไอโฟน 6 พลัสเกินเท่าตัว ซึ่งเมื่อโต้แย้งกัน เจ้าของร้านยอมคืนเงินหลักพันให้เป็นเหรียญย่อยล้วน ซึ่งเป็นที่มาของข่าวสะพัด ล่าสุด เจ้าของร้านขอชี้แจงเหตุการณ์อีกด้าน แต่ยังตอบไม่ได้อยู่ดีว่าทำไมถึงต้องคืนเป็นเงินเหรียญ

เท้าความเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ลูกค้าหญิงชาวจีนแซ่โจว เข้าไปที่ร้าน Mobile Air ในซิมลิมสแควร์ ศูนย์จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์สื่อสารแห่งใหญ่ของสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อซื้อไอโฟน 6 พลัส สินค้าใหม่ล่าสุดของบริษัทแอปเปิลในราคา 1,600 เหรียญสิงคโปร์หรือราว 40,000 กว่าบาท

ทว่า ทันทีหลังจากจรดปากกาเซ็นสัญญาซื้อขายมอบเงินเสร็จ ทางร้านกลับบอกว่า เธอต้องจ่ายเงินค่าประกันสินค้าเพิ่มเติมเป็นจำนวนเงิน 2,400 เหรียญสิงคโปร์ ซึ่งเธอปฏิเสธที่จะจ่ายเงินจำนวนนี้ และขอยกเลิกการซื้อขาย

แต่เนื่องจากมีการลงลายลักษณ์อักษรกันแล้ว เธอจึงต้องไปร้องต่อสำนักงานเรียกร้องค่าชดเชยรายย่อย ซึ่งมีคำสั่งให้ทางร้านจ่ายเงินคืนเธอเป็นมูลค่า 1,010 เหรียญสิงคโปร์ ร้านค้าจึงยอมจ่าย โดยนัดให้มารับเงินในวันที่ 17 ต.ค.

แต่เรื่องก็กลับบานปลายอีก เพราะแทนที่เจ้าของร้านจะคืนเงินดีๆ กลับจ่ายคืนเป็นเหรียญเศษเล็กๆ ในถุงหนักอึ้ง ทำให้ลูกค้ายัวะจัดและมีปากเสียงกับอีกฝ่าย จนมีการโยนถุงเงินลงกับพื้น เหรียญเล็กเหรียญน้อยกระจัดกระจายไปทั่ว จนกลายเป็นภาพที่ส่งต่อกัน และประเด็นวิจารณ์ถึงขั้นตอนซื้อขายสินค้ามาแรงที่ดุเดือดในอินเทอร์เน็ต

กระทั่งล่าสุด โจเวอร์ ชิว เจ้าของร้านที่เป็นประเด็นออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า พยายามดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุดแล้ว ก่อนเล่าถึงเหตุว่า วันเกิดเหตุหลังจากหญิงสาวเซ็นสัญญาซื้อขายไอโฟน ทางร้านก็เพิ่งมาพบว่า ลูกค้ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจำนวน 2,400 เหรียญสิงคโปร์ เพื่อเป็นค่าประกันสินค้าเป็นระยะเวลา 2 ปี ซึ่งในช่วงเวลานี้ หากสินค้าเสียหาย ลูกค้าสามารถนำเครื่องมาเปลี่ยนใหม่ได้

อย่างไรก็ดี ชิวไม่มีโอกาสที่จะได้อธิบาย เพราะทั้งสองฝ่ายโต้เถียงกันอย่างหนักทันทีหลังจากสิ้นคำว่าค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และเลยเถิดไปเป็นการต่อรองขอลดจำนวนเงินที่ต้องชำระทั้งหมด จาก 4,000 เหลือ 3,000 เหรียญสิงคโปร์ ซึ่งโจวก็ยังคงไม่พอใจ ขอเงินคืน และแจ้งตำรวจดำเนินคดีกับทางร้าน จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต

ส่วนเรื่องการไม่คืนเงินชดเชย และคืนในรูปแบบเหรียญจำนวนมหาศาล เจ้าของร้านเผยว่า เพราะลูกค้าหญิงให้ป้าของเธอมาเดินเรื่องแทนในวันที่นัดหมาย พร้อมกับเอกสารทางราชการในภาษาจีน ซึ่งเขาอ้างว่า ไม่สามารถมอบเงินคืนให้กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ลูกค้าได้ อีกทั้งเอกสารทางการต้องเป็นภาษาอังกฤษ ตามระเบียบราชการ

อย่างไรก็ดี ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงเหตุผลที่ต้องคืนเงินเป็นเหรียญ เจ้าของร้านค้ากลับเลี่ยงว่า ผู้เสียหายมารับเงินคืนหลังจากวันที่นัดหมาย ซึ่งทางร้านได้เปลี่ยนเงินชดเชยจากธนบัตรเป็นเหรียญ พร้อมทั้งโต้กลับว่า ถ้าไม่พอใจในเหรียญเงินค่าชดเชย ลูกค้าหญิงก็ควรปฏิเสธไม่ใช่รับไว้ และได้นำคลิปที่ร้านอัดไว้ในวันเกิดเหตุว่า แท้จริง ฝ่ายลูกค้าเป็นผู้ขว้างกระเป๋าเงินเหรียญลงพื้นร้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ร้านยอมจ่ายเงินอีก 550 เหรียญสิงคโปร์ ที่ลูกค้านับไม่หมดด้วยธนบัตรแล้ว

สำหรับกรณีดังกล่าว ตามข้อกฎหมายการเงินของสิงคโปร์ การคืนเงินในรูปแบบเหรียญ ต้องใช้เหรียญมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 เหรียญสิงคโปร์เท่านั้น อีกทั้งทางร้านไม่สามารถใช้หน่วยเงิน 50 เซนต์คืนได้ด้วยเพราะมูลค่าเงินชดเชยมากกว่า 2 เหรียญสิงคโปร์ รวมถึงเหรียญ 50 เซนต์ที่ใช้คืนยังมีมูลค่ารวมกันเกิน 10 เหรียญสิงคโปร์

ทว่า ข้อกฎหมายนี้กลายเป็นโมฆะสำหรับกรณีนี้ทันที จากข้อมูลโดยสมาคมผู้บริโภคของสิงคโปร์ที่ชี้ว่า เนื่องจากผู้เสียหายรับเงินค่าชดเชย อันหมายถึงยินยอมรับการชำระในรูปแบบนั้น อีกทั้งเหรียญในจำนวนเงินชดเชยก็อยู่ในสภาพสมบูรณ์ดี ส่งผลให้เรื่องดังกล่าวไม่มีความผิดตามกฎหมายทันที โดยทางสมาคมฝากข้อคิดไว้ว่า หากเกิดเหตุลักษณะนี้ ลูกค้ามีสิทธิเลือกได้ว่าจะรับหรือปฏิเสธการจ่ายเงินในรูปแบบไม่พึงประสงค์

ภาพ : ทีเอ็นพี และ หวั๋นเป่า