posttoday

ช้าตามเคย

07 มิถุนายน 2554

เชื้ออีโคไลในผักที่กำลังระบุชนิดแน่นอนไม่ได้ เกิดการระบาดไปทั่วยุโรป

เชื้ออีโคไลในผักที่กำลังระบุชนิดแน่นอนไม่ได้ เกิดการระบาดไปทั่วยุโรป

มีคนติดเชื้อไปแล้วนับพันในหลายประเทศทั่วยุโรป และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยแล้ว 22 คน กำลังเป็นปัญหาท้าทายครั้งสำคัญของความร่วมมือของยุโรปครั้งหนึ่งครับ

ต้นตอมาจากผักอะไรบอกไม่ได้อย่างแน่ชัด ในช่วงแรกๆ ของการระบาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้มีการกล่าวหาว่าแตงกวาจากสเปนเป็นต้นตอของเชื้อมรณะที่ว่า จนทำให้เกษตรกรสเปนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

ข่าวลือดังกล่าวทำให้หลายชาติในยุโรปเองออกมาประกาศแบนการนำเข้าแตงกวาจากสเปนดังที่เป็นข่าว ซึ่งเป็นท่าทีที่ขัดกฎหมายการค้าภายในของสหภาพยุโรปอย่างแน่นอน เพราะว่าสหภาพยุโรปเป็นหนึ่งเดียว ชาติสมาชิกจะประกาศแบนสินค้าจากประเทศหนึ่งประเทศใดๆ ไม่ได้ ต้องมีคำสั่งจากยุโรปส่วนกลาง

แต่ก็มีหลายประเทศฝืนประกาศไปแล้ว เพราะเชื้อโรคที่ระบาดไม่เข้าใครออกใคร งานนี้จะว่าสมาชิกที่ประกาศแบนก็ไม่ได้ เพราะยุโรปทำงานเชื่องช้ากันเองที่ไม่ออกคำสั่งควบคุม หรือเร่งตรวจหาต้นตอให้เร็วพอที่จะสร้างความมั่นใจให้กับประเทศสมาชิก

ล่าสุด เริ่มมีการประกาศถึงต้นตอเชื้อแหล่งใหม่ คาดว่าจะมาจากถั่วงอกที่ปลูกในแปลงผักในตอนเหนือของเยอรมนีนี่เอง

ล่าสุดนี้ยังไม่มีใครมีคำสั่งแบนห้ามนำเข้า แต่ก็เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะเริ่มทยอยแบนกันเพราะไม่มีประเทศไหนกล้าเอาประชาชนตัวเองไปเสี่ยงกับเชื้อร้ายแรงตัวนี้

สหภาพยุโรปจำเป็นที่จะต้องออกคำสั่งให้รวดเร็วกว่านี้ ในเมื่อพบต้นตอแล้ว จะสั่งจำกัดพื้นที่สินค้าติดเชื้อเหล่านั้น หรือสั่งห้ามการซื้อขาย ขนย้ายอะไรก็ตามแต่

เรื่องนี้ทำให้ย้อนไปถึงวิกฤตภูเขาไฟในไอซ์แลนด์ระเบิดไปเมื่อปีที่แล้ว ที่สหภาพยุโรปเละเป็นโจ๊ก ที่ออกคำเตือน คำสั่ง คำแนะนำออกมาได้อย่างล่าช้าเสียเหลือเกิน ทำให้แต่ละสนามบินสั่งปิดทำการกันเอง สร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมการบินอย่างสาหัส

นี่แหละครับข้อเสียด้านหนึ่งของการรวมกลุ่มประเทศ การจะออกคำสั่งอะไรต้องได้ข้อสรุปที่แน่นอน ต้องได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่ายก่อน ทุกอย่างต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ความเห็นเดียวกัน ข้อดีนั้นมีแน่นอน แต่ข้อเสียก็เยอะเช่นกัน โดยเฉพาะการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องการความรวดเร็ว

เป็นบทเรียนที่อาเซียนต้องศึกษาไว้ ถ้าหากอยากเดินรอยตามยุโรปครับ