คนอเมริกันโอดราคาน้ำมันพุ่งไม่หยุด-อังกฤษสูงเป็นประวัติการณ์
ราคาน้ำมันในสหรัฐและอังกฤษยังพุ่งไม่หยุดซ้ำเติมผู้บริโภคที่ต้องเผชิญภาวะเงินเฟ้ออยู่แล้ว
สำนักข่าว AP รายงานว่า ราคาเฉลี่ยน้ำมันเบนซินที่ชาวอเมริกันต้องควักกระเป๋าจ่ายขยับเข้าใกล้ 5 เหรียญสหรัฐต่อแกลลอนเต็มที ซ้ำเติมผู้บริโภคที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่วนที่สหราชอาณาจักรราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์
สมาคมรถยนต์แห่งอเมริกา (AAA) ที่ติดตามราคาตามสถานีบริการน้ำมันทั่วสหรัฐระบุว่า ราคาเฉลี่ยน้ำมันเบนซินธรรมดาทั่วประเทศเมื่อวันพฤหัสบดีขยับขึ้นไปอยู่ที่ 4.97 เหรียญสหรัฐ (172.20 บาท) ต่อแกลลอน (หรือราวลิตรละ 45.37 บาท-ผู้แปล) เพิ่มขึ้น 25% จากสัปดาห์ก่อน และ 1.90 เหรียญสหรัฐจาก 1 ปีที่แล้ว
GasBuddy ซึ่งให้บริการค้นหาราคาน้ำมันที่ถูกที่สุดเผยว่า ราคาน้ำมันเบนซินเฉลี่ยสูงกว่า 5 เหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรก
ราคาน้ำมันหน้าปั๊มขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องมาหลายเดือนแล้วและสูงเกินระดับ 4 เหรียญสหรัฐเมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ตามรอยราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นตั้งแต่ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครนซึ่งดันให้ราคาน้ำมันเบนซินสูงขึ้นไปอีก
ความกลัวว่าน้ำมันจะขาดแคลน บวกกับความต้องการใช้น้ำมันซึ่งปกติจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงวันรำลึกถึงทหารอเมริกันที่เสียชีวิตในสงครามในช่วงปลายเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นอย่างไม่เป็นทางการของฤดูร้อนและการเดินทางในวันหยุดยาวของสหรัฐ
AAA ระบุว่า ราคาน้ำมันเฉลี่ยในรัฐแคลิฟอร์เนียสูงสุดในประเทศที่ 6.40 เหรียญสหรัฐ (221.89 บาท) ต่อแกลลอน ส่วนหลายรัฐทางตะวันตกและรัฐอิลลินอยส์สูงกว่า 5.50 เหรียญสหรัฐ (190.69 บาท) ส่วนราคาเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 4.41 เหรียญสหรัฐ (152.91 บาท) ในรัฐจอร์เจีย
AP ระบุว่า เควนติน แม็คซีล จากเมืองโอคแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนียเผยว่า เมื่อก่อนเขาเคยเติมน้ำมันเต็มถัง 100 เหรียญสหรัฐ แต่ตอนนี้อยู่ที่ 140-160 เหรียญสหรัฐ (4,853-5,547 บาท) ซึ่งทำให้เขาต้องเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ปฏิเสธคนที่ขอติดรถไปด้วยแม้ว่าคนเหล่านั้นจะยินดีจ่ายค่าน้ำมันก็ตาม
“มีหลายอย่างที่ผมทำไม่ได้เพราะผมต้องจ่ายค่าน้ำมัน คุณเข้าใจใช่มั้ย” แม็คซีลเผย “ลดอาหารลง ลดเวลาเล่นลง เพราะผมต้องจ่ายค่าน้ำมัน ผมต้องไปทำงาน ใช่มั้ยล่ะ”
แม็คซีลโทษว่ารัฐบาลและสงครามในยูเครนทำให้น้ำมันแพงขึ้น
แม้ว่าระดับ 5 เหรียญสหรัฐจะเป็นเรื่องใหม่ แต่ชาวอเมริกันเคยต้องจ่ายค่าน้ำมันเบนซินแพงขึ้นย้อนหลังไปในปี 2008 เมื่อพิจารณาเงินเฟ้อเข้าไปด้วย โดยราคา 4.11 เหรียญสหรัฐต่อแกลลอนในขณะนั้นเท่ากับราว 5.40 เหรียญสหรัฐในปัจจุบัน
นอกจากชาวอเมริกันแล้ว สัปดาห์นี้ราคาน้ำมันเบนซินในสหราชอาณาจักรพุ่งทุบสถิติที่ 182.3 เพนซ์ (2.30 เหรียญสหรัฐ) ต่อลิตร หรือราว 8.80 เหรียญสหรัฐ (305 บาท) ต่อแกลลอน
AP รายงานว่า นักวิเคราะห์คาดว่าราคาจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งสูงถึงจุดที่อุปสงค์น้อยลง ซึ่งไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดและที่ไหน ในขณะนี้การปิดโรงกลั่นใดๆ อย่างไม่คาดหมาย อาทิ จากพายุเฮอร์ริเคนตามแนวชายฝั่งเทกซัสและลุยเซียนา อาจทำให้ราคาทะยานขึ้นไปอีก
แพทริก เด ฮานน์ นักวิเคราะห์ของ GasBuddy เผยว่า “เกรงว่าเรายังไม่ถึงจุดสุดท้าย เรามีส่วนต่างเหลือน้อยมากสำหรับความผิดพลาดในฤดูร้อนนี้ เราจำเป็นต้องได้น้ำมันทุกบาร์เรลจากกำลังการกลั่นที่เราสามารถทำได้”
ข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐระบุว่า การปิดโรงกลั่นอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ส่งผลให้กำลังการกลั่นน้ำมันของสหรัฐลดลงราว 800,000 บาร์เรลต่อวันนับตั้งแต่ต้นปี 2020 สถานการณ์นี้ทำให้โรงกลั่นที่เหลือต้องเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการ
บรรดาโรงกลั่นต่างก็ลังเลที่จะลงทุนเพิ่มโรงกลั่น เนื่องจากการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าทำให้เกิดความกังขาเกี่ยวกับความต้องการน้ำมันเบนซินในระยะยาว เจ้าของหนึ่งในโรงกลั่นที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐในเมืองฮุสตันประกาศเมื่อเดือน เม.ย.ว่าจะปิดโรงกลั่นภายในสิ้นปีหน้า
ราคาน้ำมันหน้าปั๊มสูงขึ้นในช่วงที่ผู้บริโภคกำลังเผชิญกับเงินเฟ้อในราคาอาหาร ที่อยู่อาศัย รถยนต์ ตั๋วเครื่องบิน และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ดัชนีราคาผู้บริโภคในสหรัฐเมใอเดือน เม.ย. สูงกว่าเมื่อ 1 ปีที่แล้ว 8.3% ดีกว่าภาวะเงินเฟ้อเดือน มี.ค. ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1981 เล็กน้อย
REUTERS/Bing Guan/File Photo


