posttoday

อุปทูตซาอุฯ ยืนยันศักราชใหม่ความสัมพันธ์สองประเทศ

28 มีนาคม 2565

"ผมมีความเห็นว่าความสัมพันธ์ทางด้านแรงงานดูเหมือนจะมีความก้าวหน้ามากกว่าด้านอื่นๆ ณ ปัจจุบัน" อุปทูต กล่าว

เป็นเวลาประมาณสองเดือนภายหลังจากนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชาได้พาคณะตัวแทนรัฐบาลไทยไปเยือนราชอาณาจักรซาอุ ดิอาระเบียตามคำเชิญของเจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammad bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที  25  มกราคม  2565  ที่ผ่านมา 

ล่าสุด บางกอกโพสต์ได้สัมภาษณ์อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย H.E. Mr. Essam Saleh Al Getale ผ่านล่ามแปลภาษาอาหรับ-ไทย ถึงความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมที่เกิดขึ้นจากการเยือนของพลเอกประยุทธ ภายหลังจากการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่ห่างหายไปประมาณ 32 ปี  

นับตั้งแต่วันที่รื้อฟื้นความสัมพันธ์จนถึงตอนนี้เป็นเวลา 2 เดือนแล้ว H.E. Mr. Essam Saleh Al Getale กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับประเทศไทยถือว่าเป็นความสัมพันธ์ที่เก่าแก่ซึ่งเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1957 โดยทั้งสองประเทศผ่านช่วงเวลาต่างๆที่ผ่านมาทำให้เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศถูกลดระดับลงตั้งแตปี ค.ศ. 1990 ประมาณเมื่อ32 ปีที่ผ่านมา

"แต่วันนี้เราได้เปิดศักราชใหม่ถึงความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ ซึ่งเราถือว่าความสัมพันธ์ในปัจจุบันเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่"  H.E. Mr. Essam Saleh Al Getale กล่าว

H.E. Mr. Essam Saleh Al Getale ขยายความว่า ความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศซึ่งเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ตรงนี้เริ่มต้นขึ้นจากที่ท่านนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา ได้ไปเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2565 ตามคำเชิญของเจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammad bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งการเยือนดังกล่าวทั้งสองประเทศได้ออกแถลงการณ์ร่วม ซึ่งเป็นโร๊ดแม๊ปความสัมพันธ์ หน้าใหม่ของทั้งสองประเทศ จัดว่าเป็นหน้าประวัติศาสตร์ความร่วมมือของทั้งสองประเทศในสาขาในด้านต่างๆที่ จะเกิดขึ้น

"ในช่วงเวลาปัจจุบันทั้งสองประเทศได้มีการประสานและปรึกษาหารือกันจะมีคณะต่างๆ ที่สลับกันไปเยือนทางสถานทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทยได้ประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการต่างประเทศของประเทศไทย ไม่กี่วันข้างหน้าจะมีคณะรัฐบาลจากซาอุดีอาระเบียมาเยือนประเทศไทยเพื่อจะพุดคุยกับตัวแทนในประเทศไทยเพื่อทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเกิดเป็นรูปธรรมที่สุด ทั้งสองคณะจะวางโร๊ดแม๊ปร่วมกันเพื่อทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศในทุกๆ ด้านเกิดเป็นประโยชน์ของทั้งสองประเทศ" อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย กล่าว

ท่านอุปทูตซาอุดีอาระเบียยังกล่าวว่าระยะเวลา 32 ปีที่ความสัมพันธ์ทางการทูตถูกลดระดับลงเป็นระยะเวลาที่ทั้งสองประเทศขาดโอกาสไป ในปัจจุบันเราสามารถกล่าวได้ว่าผู้นำรัฐบาลของทั้งสองประเทศเห็นพ้องต้องกันที่จะยกระดับความสัมพันธ์ และต้องมีโร้ดแม๊ปร่วมกันส่งเสริมความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นในหลายๆด้านจากนี้ไป  

ทั้งนี้ ตามถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีไทย พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชาที่ให้สัมภาษณ์หลังจากที่เดินทางกลับมาจากซาอุดีอาระเบียว่า ประเทศไทยและซาอุดีอาระเบียคาดหวังว่าการส่งเสริมความร่วมมือของทั้งสองประเทศจะส่งผลให้เกิดประโยชน์ในภาคต่างๆ ทั้ง 9 ด้านได้แก่ การท่องเที่ยว, พลังงาน, แรงงาน, อาหาร, สุขภาพ, ความมั่นคง, การศึกษาและศาสนา, การค้าและการลงทุน และกีฬา H.E. Mr. Essam Saleh Al Getal กล่าวว่า ภายใต้ 9 ด้านก็ยังมีประเด็นปลีกย่อยอีกที่มากกว่านั้น เช่น ด้านเศรษฐกิจก็จะมีการค้าขาย การส่งออก การลงทุน รวมถึงด้านอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งความร่วมมือกันกับสายการบินของทั้งสองประเทศ มีความร่วมมือทางด้านการท่องเที่ยว

H.E. Mr. Essam Saleh Al Getale เผยว่า เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565)รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศไทย นายดอน ปรมัตถ์วินัยได้ประชุมกับ Prince Faisal Bin Farhan Al Saud รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ซาอุดีอาระเบียได้พบกันที่กรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถานในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศในที่ประชุมองค์การความร่วมมืออิสลาม (The Organisation of Islamic Cooperation -OIC) ซึ่งการที่รัฐมนตรีทั้งสองท่านพบกันแสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายอยากที่จะให้ความสัมพันธ์เกิดเป็นรูปธรรมและเร็วที่สุด

"และผมขอให้ข้อมูลนิดหนึ่งทางด้านความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจข้อมูลที่เรามีในปี ค.ศ. 2020 มูลค่าการค้าเศรษฐกิจทั้งสองประเทศประมาณ 5,000 ล้านดอลล่าสหรัฐ ซึ่งไม่เยอะ ผมเห็นว่าทั้งสองประเทศจริงๆ แล้วสามารถใช้ประโยชน์และความร่วมมมือรวมถึงศักยภาพที่ทั้งสองประเทศมีอยู่ สามารถทำให้ตัวเลขมูลค่าทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ได้อีกหลายเท่าตัว ผมมั่นใจว่าประชาชนของทั้งสองประเทศจะได้รู้สึกถึงความก้าวหน้าและประโยชน์จากความร่วมมือกันของทั้งสองประเทศตรงนี้ อันที่จริงแล้วนายกรัฐมนตรี ของประเทศไทยเพิ่งจะเดินทางไปเยือนซาอุดีอาระเบียได้แค่ 2 เดือนที่ผ่านมานี้เอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งสองประเทศก็พยายามเร่งรัดการทำงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมที่สุด เพื่อที่จะได้ชดเชยโอกาสที่ผ่านมา 32  ปี ที่ทั้งสองประเทศเสียโอกาสไป" H.E. Mr. Essam Saleh Al Getale กล่าว 

ในส่วนของโอกาสของแรงงานไทยนั้น ท่านอุปทูตซาอุดีอาระเบียกล่าวว่า "ทางซาอุดีอาระเบียเชื่อว่าแรงงานไทยเป็นคนงานที่ขยันและเรียกว่ามีคุณภาพมีศักยภาพรวมกัน เป็นแรงงานทีได้รับความรู้จากญี่ปุ่น เกาหลี จีน อเมริกา มารวมกัน ความสัมพันธ์ทางด้านแรงงาน ล่าสุดมีคณะตัวแทนแรงงานซาอุดีอาระเบียมาเยือนประเทศไทย เมื่อประมาณ 10 วันที่แล้ว และได้พบกับเจ้าหน้าที่และคณะผู้บริหารของกระทรวงแรงงานไทย ได้ประชุมกันเรื่องข้อตกลงในเรื่องแรงงานเพื่อให้คนไทยไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย จริงๆ แล้วเรื่องแรงงานเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์จริงๆ แล้วยังมีด้านส่วนอื่นอีกมากมาย"

ก่อนหน้านี้ ท่านอุปทูตขยายความว่า ประเทศซาอุดีอาระเบียอยู่ระหว่างการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ และซาอุดีอาระเบียเป็นสมาชิกของประเทศในกลุ่ม G20 ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศทางด้านการเงินและเศรษฐกิจ ปัจจุบันประเทศซาอุดีอาระเบียมีเมกกะโปรเจคเป็นโครงการใหญ่ๆ ซาอุดีอาระเบียมีวิสัยทัศน์ หรือ Vision  2030 เป็นนโยบายระดับประเทศ ซึ่งทางซอุดิอาระเบียหวังว่า Vision นี้จะนำประเทศซาอุดีอาระเบียสู่ประเทศที่พัฒนามากขึ้นไปสู่ประเทศที่เน้นทางด้านอุตสาหกรรมแทนที่จะพึ่งพาพลังงานเพียงอย่างเดียว ซึ่ง Vision 2030 เป้าหมายหลักๆก็คือการลดการพึ่งพาน้ำมัน กระจายรายได้ไปด้่านอื่นๆ เปลี่ยนประเทศที่พึงพาทางด้านขายน้ำมันอย่างเดียวไปเป็นประเทศที่หารายได้จากเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ได้ ซึ่งโครงการต่างๆเหล่านี้ภายใต้ Vision 2030 ทำให้ประเทศซาอุดีอาระเบียต้องการความรู้และประสบการณ์ของมิตรประเทศต่างๆ ทำให้โครงการต่างๆ เหล่านี้ ประสบผลสำเร็จ 

ต่อข้อซักถามว่าค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่ซาอุดีอาระเบียที่แรงงานไทยจะได้รับคือเท่าไหร่ และที่ผ่านมามีบริษัทไทยมาติดต่อสถานทูตถึงการนำแรงงานไทยไปซาอุดีอาระเบียบ้างหรือยัง?  

ท่านอุปทูตตอบว่า ตลาดแรงงานของซาอุดีอาระเบียมีความต้องการแม่บ้าน ช่างเทคนิคสาขาต่างๆ คนงานก่อสร้าง พนักงานด้านสุขภาพอนามัย นักกายภาพบำบัด "ผมมองว่า จริงๆ แล้วทางซาอุดีอาระเบียต้องการคนงานไทยในหลายๆด้าน ก่อนที่ความสัมพันธ์จะถูกลดระดับเมื่อ 32  ปีที่แล้ว แรงงานไทยถือว่าได้รับความนิ ยมในซาอุดีอาระเบีย เป็นแรงงานที่ไว้ใจได้ และก็ขยัน"

H.E. Mr. Essam Saleh Al Getale กล่าวว่า ตลาดแรงงานซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดที่ใหญ่ และยังต้องการแรงงานไทยอีกเยอะ ท่านเชื่อว่าแรงงานไทยยังจะเป็นแรงงานที่ทำผลงานได้ดี ในตลาดแรงงานซาอุดีอาระเบีย ความคืบหน้่าในความร่วมมือด้านนี้ใกล้แล้วที่จะเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำสำหรับแรงงานไทยขึ้นอยู่กับการตกลงกันของทั้งสองประเทศ เรื่องค่าแรงขั้นต่ำมีความหลากหลายในแต่ละอาชีพ เรื่องนี้การกำหนดค่าแรงคงต้องเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีความเชี่ยวชาญดีกว่า

"อย่างไรก็ดีผมมีความเห็นว่าความสัมพันธ์ทางด้านแรงงานดูเหมือนจะมีความก้าวหน้ามากกว่าด้านอื่นๆ ณ ปัจจุบัน ณ ตอนนี้ทางสถานทูตซาอุดีอาระเบียก็ได้ประสานให้นักธุรกิจ นักลงทุนไทยที่อยากจะไปเยือนซาอุดีอาระเบีย ไปดูโอกาสในการลงทุนต่างๆ เรากำลังดำเนินการและประสานงานกันอยู่ในเรื่องนี้ ในไม่กี่วันข้างหน้าก็จะมีคณะทำงานของรัฐบาลซาอุดีอาระเบียนำโดยคณะของกระทรวงการต่างประเทศจะมาเยือนเมืองไทยเพื่อที่จะวางโรดแมป เป็นคณะที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดด้วย ทางทั้งสองฝ่ายก็หวังว่าการเยือนของคณะจะนำมาซึ่งประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม" H.E. Mr. Essam Saleh Al Getale กล่าว

ส่วนเรื่องการเชิญเจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammad bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาเยือนประเทศไทย ท่านอุปทูตตอบว่าทางนายกรัฐมนตรีไทยได้เชิญมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียจริง ในเบื้องต้นทางมกุฎราชกุมารได้ตอบรับคำเชิญ ส่วนกำหนดการเยือนยังอยู่ระหว่างการประสานทางการทูตกันทั้งสองประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ผู้รับผิดชอบคงกำลังต้องตรวจสอบดูตารางเวลาของท่านผู้นำทั้งสองประเทศให้ตรงกัน รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกอยู่ตอนนี้ก็จะส่งผลในเรื่องนี้ด้วย 

ต่อข้อซักถามในเรื่องการท่องเที่ยวว่าในปัจจุบันนี้เป็นเรื่องยากหรือไม่สำหรับคนไทยที่จะเดินทางไปซาอุดีอาระเบีย และคนซาอุดีอาระเบียที่จะเดินทางมาประเทศไทย? ท่านอุปทูตตอบว่า ณ ปัจจุบันนี้ นักท่องเที่ยวที่อยากจะไปเยือนซาอุดีอาระเบียสามารถยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวทางออนไลน์ได้เลย ส่วนจำนวนวันที่จะได้ท่องเที่ยวหรืออยู่ในประเทศซาอุดีอาระเบียก็ขึ้นอยู่กับโปรแกรมการท่องเที่ยวที่ผู้ยื่นขอวีซ่าของแต่ละคน

"ในด้านการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียถือได้ว่าเป็นเรื่องใหม่ ของประเทศเราและเป็นประเทศใหม่ ทางด้านการท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ดีทางซาอุดีอาระเบียได้นำองค์ความรู้และประสบการณ์ท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆมาปรับใช้กับการท่องเที่ยวในประเทศเรา ทางซาอุดีอาระเบียได้พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งทางบก บนเกาะ ซึ่งทางเราตั้งเป้าไว้ว่าในปี ค.ศ. 2030 และ หลังจากนั้นเราจะมีนักท่องเที่ ยวประมาณ 100  ล้านคน ในแต่ละปี"อุปทูตตอบกล่าว 

อุปทูตเสริมว่า ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศที่ใหญ่และมีทรัพยากรทางด้านการท่องเที่ยวที่หลากหลายมีทะเลทรายมีภูเขา มีชายหาดและทะเล รวมถึงเกาะต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันซาอุดีอาระเบียได้เร่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เหล่านี้ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ได้วางแผนไว้ ทางรัฐบาลก็ได้ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องและเหมาะกับสภาพในปัจจุบัน เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเยือน "หนึ่งในจุดแข็งของซาอุดีอาระเบียซึ่งอยู่ในสังคมอาหรับที่ให้เกียรติแขกที่มาเยือน และดูแลเอาใจใส่ เป็นวัฒนธรรมของพวกเราอยู่แล้ว ผมเห็นว่าลักษณะของสังคมซาอุดีอาระเบียตรงนี้จะช่วยทำให้การท่องเที่ยวในประเทศเป็นที่ต้องการของต่างชาติ"

H.E. Mr. Essam Saleh Al Getale กล่าวว่าอีกหนึ่งโครงการที่กำลังจะเปิดคณะการท่องเที่ยวศึกษาในกรุงริยาดฮ์เพื่อสอนเกี่ยวกับการบริการการท่องเที่ยวต่างๆ เรื่องต่างๆ เหล่านี้ จะถูกหยิบยกมาพูดคุยเมื่อคณะทำงานทั้งสองฝ่ายมาพบกัน "ทางเราอยากนำความรู้และสบการณ์ ทางด้านการท่องเที่ยวมาใช้ประโยชน์ เราอยากจะพัฒนาการท่องเที่ยวในประเทศของเราให้เจริญก้าวหน้า โดยเฉพาะหลังสถานการณ์ระบาดของโควิดที่แน่นอน สถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบด้านลบในหลายๆประเทศที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยว ทางซาอุดีอาระเบียกำลังศึกษาเรื่องการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่แม้ว่าจะมีโควิด และการเยือนของรัฐมนตรีการท่องเที่ยวของไทยปลายเดือนนี้ แน่นอนก็จะได้พูดคุยเรื่องการท่องเที่ยวที่จะต้องไปมาหาสู่กันอย่างสะดวกสบาย"

ส่วนกำหนดการแต่งตั้งอัครราชทูตมาประจำประเทศไทยนั้น H.E. Mr. Essam Saleh Al Getale กล่าวว่า แน่นอนว่าทั้งสองประเทศจะต้องมีการแต่งตั้งอัครราชทูตประจำการซึ่งเป็นหนึ่งในข้อตกลงในแถลงการณ์ร่วมของทั้งสองประเทศที่ท่านนายกรัฐมนตรี ไทยได้ไปเยือนซาอุดีอาระเบียมา การแต่งตั้งอัครราชทูตของไทยและซาอุดีอาระเบียจะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้

ต่อข้อซักถามว่ามีความเป็นไปได้ไหมที่ทั้งสองประเทศจะจัดงานระดับชาติเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการทูต 65  ปีที่ทั้งสองประเทศมีกันมาอย่างยาวนาน? H.E. Mr. Essam Saleh Al Getale ตอบว่า ณ ตอนนี้ยังไม่มีกำหนดการหรือแผนเฉลิมฉลอง 65  ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ แต่อย่างไรก็ดี แต่เป็นคำถามและเป็นข้อเสนอที่ดีมาก ณ ปัจจุบันทั้งสองประเทศกำลังพูดคุยกันในประเด็นอื่นๆที่ จะทำให้ความสัมพันธ์นั้นเห็นผลได้เร็วที่สุด 

ผู้วื่อข่าวได้ซักถามว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศจากนี้ไปอีก 5 ปีจะเป็นอย่างไร ท่านอุปทูตมองเรื่องนี้ในอนาคตเป็นอย่างไร? 

H.E. Mr. Essam Saleh Al Getale ตอบว่า "ตามที่พวกเราได้ทราบความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศได้กลับมาเป็นปกติแล้วภายหลังจากการเยือนของนายกรัฐมนตรีไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และด้วยศักยภาพที่สูงของทั้งสองประเทศในด้านต่างๆ โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบียเป็นสมาชิกขององค์กรต่างๆ ระดับโลก เช่น Gulf Cooperation Council (GCC) สมาชิกของสันนิบาตอาหรับ (Arab League) รวมถึงองค์กรด้านเศรษฐกิจต่างๆ เช่น G20 ประเทศไทยก็เป็นสมาชิกของ Asean และองค์กรอื่นๆด้วย

"ด้วยศักยภาพของทั้งสองประเทศที่มีอยู่ และการที่ทั้งสองประเทศไปเป็นสมาชิกขององค์กรสำคัญระดับโลกต่างๆ และด้วยความตั้งใจของผู้นำทั้งสองประเทศ ผมเห็นว่าไม่ต้องถึง 5 ปี แค่ปีเดียวความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศก็เห็นเป็นรูปธรรม เห็นผลอย่างชัดเจนอยู่แล้วผ่านการทำงานของรัฐบาลทั้งสองประเทศซึ่งกำลังทำกันอยู่ เพื่อให้เห็นความร่วมมือเป็นเป็ นรูปเป็นร่างขึ้นมา จริงๆ แล้วผมดีใจมากที่ความสัมพันธ์ ของทั้งสองประเทศกลับมาเป็นปกติ ในยุคที่ผมเป็นอุปทูตประจำประเทศไทยอยู่" H.E. Mr. Essam Saleh Al Getale กล่าว

สัมภาษณ์โดย อนุชา เจริญโพธิ์