อังกฤษนำร่องชาวโลก เปิดเสรีเดินทางระหว่างประเทศ
ทางการอังกฤษเตรียมยกเลิกมาตรการคุมโควิดสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศภายในสัปดาห์นี้
The New York Times รายงานว่า รัฐบาลอังกฤษเตรียมยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศที่ยังบังคับใช้อยู่ภายในสัปดาห์นี้ โดยบอกว่าเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจใหญ่ประเทศแรกๆ ที่ยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ และเรียกความเคลื่อนไหวดังกล่าวว่าเป็น “ช่วงเวลาสำคัญ”
หลังจากผ่านไปเกือบ 2 ปี อังกฤษเป็นแกนนำในการยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ เพื่อสกัดการแพร่ระบาด และเปลี่ยนไปสู่การอยู่ร่วมกับ Covid-19 โดยพึ่งพาการปกป้องจากวัคซีนเป็นหลัก
แกรนต์ แชปป์ส รัฐมนตรีกระทรวงคมานาคมอังกฤษทวีตว่า “การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะการฉีดวัคซีนของเรา และยังหมายถึงเสรีภาพที่มากขึ้นสำหรับเทศกาลอีสเตอร์”
จากข้อมูลของรัฐบาลอังกฤษ ราว 86% ของประชากรอังกฤษฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แล้ว และ 67% ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว
ตั้งแต่เวลา 04.00 น.ของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าอังกฤษไม่จำเป็นต้องกรอกข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่อยู่ อาทิ รายละเอียดการเดินทางและสถานะการฉีดวัคซีน ส่วนผู้ที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบก็ไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อก่อนเข้าประเทศแล้ว
“ประกาศวันนี้เป็นการส่งข้อความที่ชัดเจนไปทั่วโลกว่าภาคการท่องเที่ยวของอังกฤษกลับมาแล้ว” ทิม อัลเดอร์สเลด ซีอีโอ Airlines UK เผย “ตอนนี้เรากำลังตั้งตารอการกลับสู่ภาสะปกติก่อน Covid”
เมื่อวันที่ 24 ก.พ.เป็นต้นมา รัฐบาลมีคำสั่งยกเลิกการกักตัวสำหรับชาวอังกฤษที่ผลการตรวจหาเชื้อเป็นบวก ส่วนสกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือซึ่งใช้มาตรการด้านสุขภาพแยกต่างหาก ผ่อนคลายมาตรการเช่นกัน นับตั้งแต่นั้นมาตัวเลขผู้ติดเชื้อก็พุ่งขึ้น แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตคงที่ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์
เจสัน มาฮอนี ประธานฝ่ายปฏิบัติการของสายการบิน British Airways เผยว่า นับตั้งแต่วันพุธเป็นต้นไป ผู้โดยสารของสายการบินต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในเครื่องบินเฉพาะในกรณีที่ปลายทางกำหนดให้สวมเท่านั้น
คอร์นีล คอสเตอร์ ประธานฝ่ายปฏิบัติการของสายการบิน Virgin Atlantic เผยว่า สายการบินจะยกเลิกข้อกำหนดการสวมหน้ากากอนามัยในเส้นทางที่ไม่ได้กำหนดให้สวม โดยเริ่มจากเส้นทางจากฮีทโธรว์และแมนเชสเตอร์ไปยังแคริบเบียน


