posttoday

เมื่อเป้าหมายปูตินลึกซึ้งกว่าการขยายอิทธิพลในดอนบัส

23 กุมภาพันธ์ 2565

บทวิเคราะห์ของ Reuters ชี้ เป้าหมายของปูตินในยูเครนลึกซึ้งกว่าแค่การขยายอิทธิพลในโดเนตสก์และลูฮันสก์

Reuters ระบุว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ได้เปลี่ยนวิกฤตในยูเครนไปสู่ช่วงใหม่ที่อันตรายยิ่งขึ้นด้วยคำพูดและการกระทำมากมายที่บ่งชี้ว่าเป้าหมายสูงสุดของเขานั้นลึกซึ้งกว่าการขยายอิทธิพลของรัสเซียไปยังสองภูมิภาคที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน

ปูตินลงนามในสนธิสัญญามิตรภาพเมื่อคืนวันจันทร์กับสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ชาติตะวันตกมองว่าผิดกฎหมาย และต้องพบกับการคว่ำบาตรทันที รวมทั้งธนาคารหลายแห่งของรัสเซียและท่อส่งน้ำมันแห่งใหม่

ทว่าการกล่าวสุนทรพจน์ทางโทรทัศน์ของปูตินก่อนการลงนามทำให้เห็นเบาะแสที่ลึกซึ้งว่าปูตินกำลังคิดอะไรอยู่ เขาบิดเบือนประวัติศาสตร์หลายศตวรรษให้กลายเป็นคำวิพากษ์วิจารณ์ที่บรรยายว่ายูเครนเป็นประเทศเก๊(artificial nation) ที่ไม่มีความเป็นรัฐ

Reuters รายงานว่า ผู้ที่สังเกตการณ์เครมลินเผยว่า การเลคเชอร์ของปูตินดูเหมือนเป็นความพยายามหาเหตุผลให้กับการรุกรานยูเครนลึกซึ้งยิ่งขึ้นและการบุกครั้งใหม่ 8 ปีหลังจากเขายึดและผนวกไครเมีย

“เขาตั้งคำถามถึงอำนาจอธิปไตยของยูเครน และเขาได้ประกาศว่านี่เป็นความผิดพลาดของประวัติศาสตร์ อุบัติเหตุทางประวัติศาสตร์ว่ามีการมีอยู่ของยูเครน” เกอร์ฮาร์ด แมนกอตต์ (Gerhard Mangott) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยอินส์บรุคของออสเตรียและสมาชิกของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญรัสเซียที่ได้พบกับปูตินเป็นประจำทุกปีเผย

“ดังนั้นเป็นไปได้ว่าเป้าหมายสุดท้ายของเขาคือการทำลายรัฐยูเครนนี้ หรืออย่างน้อยก็ทำให้ยูเครนถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง” โดยรัสเซียควบคุมฝั่งตะวันออกของประเทศ แมนกอตต์เผย

การแสดงความคิดเห็นหลังจากนั้นในวันอังคาร ปูตินเผยว่าเขารับรองภูมิภาคโดเนตสก์และลูฮันสก์ทางตะวันออกของยูเครน หรือที่รวมกันเรียกว่าดอนบัส ที่กำลังก่อตั้ง “สาธารณรัฐ” ที่แยกตัวออกมา แม้ว่าจะมีเพียงเศษเสี้ยวของอาณาเขตนั้นที่ควบคุมโดยกบฏแบ่งแยกดินแดน

เมื่อรัสเซียยืนยันสิทธิภายใต้สนธิสัญญาใหม่ในการส่งกองกำลังทหารและสร้างฐานทัพทหาร นั่นเป็นการเปิดความเสี่ยงว่ารัสเซียอาจเข้าไปและเปิดสงครามกับยูเครนเพื่อขยายอาณาเขตการแบ่งแยกดินแดน

ปูตินปฏิเสธเสมอมาว่ามีแผนจะบุกจู่โจมยูเครน แต่การเสริมกำลังทหารจำนวนมากที่ชายแดนยูเครนตั้งแต่เดือน พ.ย. ส่งผลให้หุ้น พันธบัตรรัฐบาล และค่าเงินรูเบิลของรัสเซียร่วงอย่างหนัก อีกทั้งความเคลื่อนไหวล่าสุดของปูตินยังเพิ่มความวิตกกังวลให้กับบรรดาอีลีทรัสเซีย

“เราสูญเสีย เรากังวลมากๆ ไม่มีใครรู้ว่าจุดจบอยู่ตรงไหน” อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงเผยกับ Reuters

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของปูตินได้ทำลายความหวังที่จะยุติสงครามแบ่งแยกดินแดน 8 ปีในยูเครนด้วยการฟื้นฟูสนธิสัญญาสันติภาพที่ลงนามเมื่อปี 2014 และ 2015 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจากการทูตไปสู่การใช้กำลัง

“ด้วยการฉีกข้อตกลงมินสก์ รัสเซียได้พาตัวเองออกจากช่องทางหนึ่งของอำนาจทางการเมืองเหนือยูเครนในระยะยาว และขณะนี้กำลังมองหาอีกช่องทางหนึ่ง” โอเล็ก อิกนาตอฟ (Oleg Ignatov) นักวิเคราะห์อาวุโสของรัสเซียจาก International Crisis Group เผย

ในการกล่าวสุนทรพจน์ ปูตินดูเหมือนผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังคิดเกี่ยวกับมรดกของตัวเอง หลังจากกว่าสองทศวรรษในฐานะผู้นำสูงสุดของรัสเซีย มากกว่าจะคิดถึงการบาดเจ็บล้มตายและต้นทุนทางเศรษฐกิจจะเกิดจากสงครามเต็มรูปแบบกับยูเครน

ดังที่ นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษพูดเมื่อสัปดาห์นี้ว่า ปูตินอาจไม่ได้คิดอย่างมีเหตุผล และมาตรการคว่ำบาตรก็ไม่อาจขัดขวาง “นักแสดงที่ไร้เหตุผล” และนายกรัฐมนตรี มาร์ก รุทเทอร์ ของเนเธอร์แลนด์บอกว่าเขา “หวาดระแวงสิ้นดี”

“เราเห็นการเปลี่ยนแปลงจากปูตินจากผู้นำที่เน้นการปฏิบัติ คิดคำนวณอย่างมีเหตุผล ไปเป็นคนที่มองหาที่ทางในการสร้างประวัติศาสตร์ให้ตัวเองมากขึ้น คนที่มองเห็นตัวเองอยู่ในภารกิจประวัติศาสตร์เพื่อแก้ไขความอยุติธรรม” นีล เมลวิน (Neil Melvin) จากสถาบันคลังความคิด RUSI ในกรุงลอนดอนเผย

นั่นนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงของการคิดคำนวณความเสี่ยงของปูติน ซึ่งความเสียหายในระยะสั้นจากการกระทำของเขามีความสำคัญน้อยกว่าเมื่อเทียบกับภาพประวัติศาสตร์ซึ่งใหญ่กว่า

เมลวินซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นการพบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในมอสโกเผยว่า วิกฤตยูเครนเพิ่งจะเริ่มปรากฏออกมาเท่านั้น

“พูดตรงๆ นะ คุณจะไม่ส่งทหาร 200,000 นายเข้าประจำการที่ชายแดนยูเครนและไม่ก่อให้เกิดวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับความมั่นคงของยุโรปมา 40 ปี หากความพยายามทั้งหมดของคุณคือ ขยายการควบคุมของคุณเหนือดินแดนเล็กๆ สองแห่งที่คุณควบคุมอยู่แล้ว” เมลวินเผยกับ Reuters

ขั้นตอนต่อไปจะถูกกำหนดจากการที่กองกำลังของรัสเซียเข้าไปในโดเนตสก์และลูฮันสก์ และความเคลื่อนไหวที่เป็นไปได้ในการขยับขยายไปสู่ดินแดนที่กว้างขึ้น ขึ้นอยู่กับว่ายูเครนจะตอบโต้อย่างไร

“ผมว่านั่นแหละคือสิ่งที่เราต้องจับตาดูในขณะนี้” เมลวินเผย “มันขึ้นอยู่กับว่าชนวนจะถูกจุดอย่างไรสำหรับการบุกรุกทางทหารในวงกว้างขึ้น”

Photo by Mikhail Klimentyev / Sputnik / AFP