posttoday

เปิดแผนปฏิบัติการสุดระทึกสหรัฐล่าตัวผู้นำกลุ่ม IS

04 กุมภาพันธ์ 2565

เปิดแผนปฏิบัติการสุดระทึกหน่วยเดลตาฟอร์ซบุกล่าตัวผู้นำ IS ก่อนที่อีกฝ่ายจะชิงบึ้มตัวเองดับยกครัว

สำนักข่าว The New York Times รายงานว่า กองกำลังพิเศษของกองทัพสหรัฐซักซ้อมปฏิบัติการจู่โจมปิดล้อมอาคารที่ซ่อนตัวของ อาบู อิบราฮิม อัล-ฮาชีมี อัล-กูราจี หัวหน้ากลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ในซีเรีย หลายต่อหลายครั้ง โดยมีจุดหมายคือการจับตัวหัวหน้ากลุ่ม IS รายนี้ ที่พักอาศัยอยู่บนชั้น 3 ของอาคารหลังหนึ่งในซีเรียใกล้กับพรมแดนตุรกี ทว่า ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึงตัว อัล-กูราจีตัดสินใจจุดระเบิดสังหารตัวเองและสมาชิกในครอบครัวเสียชีวิตทั้งหมด

ในเวลาต่อมากองทัพสหรัฐได้เปิดเผยวินาทีปฏิบัติการดังกล่าวไว้ดังนี้

วางแผน

ภารกิจบุจู่โจมก่อนฟ้าสางเริ่มวางแผนกันตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังได้รับข้อมูลว่าอัล-กูราจีซ่อนตัวอยู่ในอาคารที่สร้างจากคอนกรีตบล็อก 3 ชั้นซึ่งตั้งอยู่เดี่ยวๆ โดยมีต้นมะกอกล้อมรอบในเมืองอัตเมห์ของจังหวัดอิดลิบ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียใกล้กับพรมแดนตุรกี

เจ้าหน่าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวเผยว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้รับการบรีฟรายละเอียดเกี่ยวกับปฏิบัติการจับเป็นอัล-กูราจีเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.

เจ้าหน้าที่อีกรายหนึ่งเผยว่า ปฏิบัติการนี้ค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากอัล-กูราจีค่อนข้างระมัดระวังตัว ไม่ค่อยออกจากชั้น 3 ของบ้านเป้าหมาย และมักจะใช้งานนายพลระดับสูงที่พักอยู่บนชั้น 2 ของบ้านเป้าหมาย และผู้ส่งสารติดต่อกับโลกภายนอกแทน ทั้งยังไม่ใช่เครื่องสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอาจถูกสหรัฐดักฟังได้ ซึ่งเป็นกลยุทธ์เดียวกับ โอซามาห์ บิน ลาเดน

นอกจากนี้ เด็กๆ และครอบครัวที่ทางการสหรัฐชเอว่าอาศัยอบู่ที่ชั้น 1 ของบ้านเป้าหมายทำให้ต้องวางแผนกันอย่างรัดกุมที่สุดเพื่อปกป้องชีวิตพลเรือน ดังนั้นปฏิบัติการครั้งนี้จึงเป็นการบุกจู่โจม (raid) แทนการโจมตีทางอากาศ (airstrike) ที่ปลอดภัยกับเจ้าหน้าที่สหรัฐมากกว่า แต่เป็นอันตรายกับพลเมืองรวมทั้งเด็กๆ ที่อยู่ในบ้านเป้าหมาย

ไฟเขียวภารกิจไบเดนไฟเขียวปฏิบัติการขั้นสุดท้ายเมื่อเช้าวันอังคารที่ 1 ตามเวลาท้องถิ่นระหว่างประชุมในห้องทำงานรูปไข่กับรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ลอยด์ ออสติน และนายพล มาร์ก มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของกองทัพ โดยให้ส่งคอมมานโดของหน่วยรบพิเศษเดลตาฟอร์ซกว่า 20 นายขึ้นเฮลิคอปเตอร์ปฏิบัติการ พร้อมด้วยโดรนติดอาวุธ และเครื่องบินจู่โจม

อพยพปชชหลังจากหน่วยเดลตาฟอร์ซไปถึงพื้นที่ปฏิบัติการก็มีเสียงเตือนให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในชั้น 1 รวมทั้งคนอื่นๆ อพยพออกจากอาคาร โดยมีผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 1 คน และเด็ก 4 คนอพยพออกมา

หลังจากเจ้าหน้าที่สหรัฐขึ้นไปถึงชั้น 2 หนึ่งในผู้ช่วยและหนึ่งในภรรยาของอัล-กูราจีเปิดฉากยิงต่อสู้ และถูกวิสามัญในเวลาต่อมา โดย แฟรงค์ แม็คเคนซี ผู้บัญชาการของกองบัญชาการกลางของกองทัพสหรัฐซึ่งคุมกองทัพสหรัฐในตะวันออกกลางบและเป็นผู้ให้แจ้งความคืบหน้าของปฏิบัติการแก่ไบเดนเผยว่า มีเด็กเสียชีวิต 1 คน ส่วนอีก 3 คนและทารกอีก 1 คนถูกนำตัวออกจากชั้น 2 อย่างปลอดภัย

เปิดแผนปฏิบัติการสุดระทึกสหรัฐล่าตัวผู้นำกลุ่ม IS

ปลิดชีพตัวเอง

เมื่อเจ้าหน้าที่ขึ้นไปที่ชั้น 3 ก็พบอัล-กูราจีและสมาชิกครอบครัวอีกจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นหัวหน้ากลุ่ม IS ได้จุดชนวนระเบิดซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าระเบิดพลีชีพที่ใช้สวมติดตัว แรงระเบิดส่งผลให้ร่างของตัวเขาเอง รวมทั้งภรรยา และลูกอีก 2 คนกระเด็นออกมาจากตัวอาคาร

แม็คเคนซีเผยว่า “เขาฆ่าตัวเองและครอบครัวในทันทีโดยไม่มีการต่อสู้ แม้ว่าเราจะพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขายอมมอบตัวและเสนอหนทางรอดชีวิตให้”

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่บนเฮลิคอปเตอร์ยังยิงสังหารผู้ก่อการร้ายท้องถิ่นที่เกี่ยวโยงกับกลุ่มอัลกออิดะห์อีกอย่างน้อย 2 คนที่พยายามเข้าไปในพื้นที่ปฏิบัติการในขณะที่เจ้าหน้าที่คอมมานโดยังอยู่

หน่วยกู้ภัยซีเรียเผยว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ส่วนเจ้าหน้าที่สหรัฐระบุว่า การเสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผลจากแรงระเบิดที่ชั้น 3 และการยิงปะทะที่ชั้น 2

ยืนยันตัวตน

โฆษกกระทรวงกลาโหม จอห์น เคอร์บี เผยว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชของกองทัพยืนยันตัวตนของอัล-กูราจีโดยใช้ลายนิ้วมือและดีเอ็นเอ โดยทิ้งร่างของเขาไว้ในที่เกิดเหตุ แต่เก็บอุปกรณ์สำคัญ อาทิ โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ฮาร์ดไดรฟ์เพื่อนำไปวิเคราะห์หาเบาะแสในการจัดการกับกลุ่ม IS ต่อไป

เวลาลงมือ

เมื่อถูกถามถึงเวลาในการลงมือ เคอร์บีเผยว่า มีหลายปัจจัยที่มีบทบาทสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นระดับของข่าวกรอง ความชัดเจนแน่นอนของที่อยู่ของเป้าหมาย สภาพอากาศและการปฏิบัติการ ซึ่งในวันที่ลงมือเป็นคืนเดือนมืดที่เอื้อต่อการปฏิบัติการ

ทำลาย ฮ.

เคอร์บีเผยอีกว่า หลังเสร็จสิ้นปฏิบัติการซึ่งกินเวลาราว 2 ชั่วโมง ระบบขับเคลื่อนของเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งของกองทัพที่ใช้ลำเลียงเจ้าหน้าที่เกิดขัดข้อง เฮลิคอปเตอร์ลำนี้บินไปยังตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลจากจุดเป้าหมาย ซึ่งผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้วว่าไม่สามารถซ่อมแซมได้ทันท่วงที และได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดและเครื่องบินจู่โจมของสหรัฐ จึงตัดสินใจทำลายทิ้ง

เปิดแผนปฏิบัติการสุดระทึกสหรัฐล่าตัวผู้นำกลุ่ม IS

ภาพหลังเกิดเหตุ

ภาพที่เกิดเหตุที่นักเคลื่อนไหวที่เข้าไปยังจุดเกิดเหตุนำมาเผยแพร่ในโลกออนไลน์เผยให้เห็นห้องพักที่จัดแต่งแบบเรียบง่าย มีเสื่อหลายผืนปูอยู่บนพื้น เครื่องให้ความร้อนสำหรับน้ำมันดีเซล เสื้อผ้า และผ้าห่ม โดยบางชิ้นเปื้อนเลือด

ครั้งที่ 2

ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 ปีครึ่งที่หน่วยรบพิเศษของสหรัฐปฏิบัติการจู่โจมสังหารหัวหน้ากลุ่ม IS ในจังหวัดอิดลิบ ครั้งแรกคือเมื่อเดือน ต.ค. 2019 ทหารสหรัฐราว 50-70 นาย รวมทั้งหน่วยเดลตาฟอร์ซ จู่โจม อาบู บักร์ อัล-บัฆดาดี ซึ่งจุดระเบิดปลิดชีพตัวเองและลูกอีก 3 คนเช่นกัน

Mohamed Al-Daher/Handout via REUTERS