posttoday

โอมิครอนกำลังทำให้เกิดความหวังว่าการระบาดจะสิ้นสุดลง

02 มกราคม 2565

แนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นในเยอรมนีและอิสราเอล รวมถึงในแอฟริกาใต้ แสดงว่าโอมิครอนอาการไม่หนัก โรงพยาบาลไม่ล้น จนเริ่มมีหวังสู่ภาวะโรคประจำถิ่น

1. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานหัวหน้าสมาคมแพทย์โรงพยาบาลอาวุโส (VLK) ของประเทศเยอรมนีกล่าวว่า โอมิครอน (Omicron ) อาจบรรเทาแรงกดดันต่อระบบสุขภาพของเยอรมัน หากปรากฏว่าก่อให้เกิดการเจ็บป่วยที่ไม่รุนแรงขึ้น แม้ว่าการติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นก็ตาม

2. มิชาเอล เวเบอร์ (Michael Weber) ประธาน VLK กล่าวว่า โคโรนาไวรัสจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อระบบสุขภาพอีกต่อไป หากโอมิครอนกลายเป็นเชื้อหลักในเยอรมนีเช่นเดียวกับในแอฟริกาใต้ สหราชอาณาจักร หรือเดนมาร์ก และหากการติดเชื้อนั้นไม่รุนแรงเท่าประเทศเหล่านั้น

3. “มีความเป็นไปได้จริงที่โรคระบาดใหญ่จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นในประเทศนี้” เวเบอร์บอกกับหนังสือพิมพ์ Welt am Sonntag ซึ่งในขณะที่โอมิครอนแพร่ระบาดในเยอรมนี การติดเชื้อในแต่ละวันได้เพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาหลังจากลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนธันวาคม และจำนวนเตียงในหอผู้ป่วยหนักก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

4. อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คาร์ล เลาเทอร์บาค (Karl Lauterbach) ยังมองโลกในแง่ดีว่าโอมิครอนดูเหมือนจะมีอันตรายน้อยกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ แต่เขาตั้งข้อสังเกตว่ายังคงมีความเสี่ยงต่อผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน เลาเทอร์บาคบอกกับหนังสือพิมพ์ Bild am Sonntagว่า "การฉีดวัคซีนครั้งแรกช่วยลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตได้อย่างมากหลังจากผ่านไปเพียง 14 วัน ผมขอวิงวอนประชาชน โปรดรับการฉีดวัคซีน!"

5. เลาเทอร์บาคยังกล่าวอีกว่าการสวมหน้ากากอนามัยยังคงมีความสำคัญ เขาบอกว่า "ปริมาณไวรัสของผู้ติดเชื้อโอมิครอนลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุเพราะการสวมหน้ากากทำให้มีประสิทธิภาพป้องกันมากขึ้น ทุกคนควรสวมหน้ากากเมื่อพบปะกับผู้อื่น"

6. ณ วันที่ 2 มกราคม 2022 โอมิครอนที่มีแพร่เชื้อได้สูงทำให้เกิดจำนวนผู้ป่วยทั่วโลกพุ่งขึ้นมา ข้อมูลของ Reuters ระบุว่าการติดเชื้อทั่วโลกทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีค่าเฉลี่ยมากกว่าหนึ่งล้านรายต่อวันที่ตรวจพบระหว่างวันที่ 24 ถึง 30 ธันวาคม แต่จนถึงขณะนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตยังไม่เพิ่มขึ้นในความเร็วที่เท่ากัน ทำให้เกิดความหวังว่าโอมิครอนจะเป็นอันตรายถึงชีวิตน้อยลง

6. ขณะเดียวกันที่อิสราเอล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของประเทศกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่าผู้ป่วยรายวันยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การติดเชื้อโอมิครอนที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้อิสราเอลได้รับภูมิคุ้มกันหมู่ในที่สุด

7. นัคมาน อัช (Nachman Ash) อธิบดีประจำกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลกล่าวว่าจนถึงปลายเดือนธันวาคม อิสราเอลสามารถป้องกันโอมิครอนได้ในระดับหนึ่ง แต่ด้วยอัตราการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยรายวันคาดว่าจะสูงถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในอีกสามสัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่

8. “ต้นทุน (ของการทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่) จะทำให้เกิดการติดเชื้อจำนวนมาก” อัชบอกกับวิทยุ 103FM “จำนวนจะต้องสูงมากจึงจะได้รับภูมิคุ้มกันหมู่ สิ่งนี้เป็นไปได้ แต่เราไม่ต้องการไปให้ถึงจุดนั้นโดยการติดเชื้อ เราต้องการให้มันเกิดขึ้นจากผลของคนจำนวนมากที่ฉีดวัคซีน”

9. กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลระบุว่าประมาณ 60% ของประชากร 9.4 ล้านคนของอิสราเอลได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน เกือบทั้งหมดได้รับวัคซีนจาก Pfizer /BioNTech ซึ่งหมายความว่าพวกเขาได้รับวัคซีนครบ 3 ครั้งหรือเพิ่งได้รับวัคซีนครั้งที่สอง แต่ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับการฉีดวัคซีนครั้งที่ 3 หลายแสนคนยังไม่ได้รับวัคซีน

10. อย่างไรก็ตาม ซัลมาน ซาร์กา (Salman Zarka) หัวหน้าคณะทำงานด้านไวรัสโคโรนาของกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลกล่าวว่าภูมิคุ้มกันหมู่นั้นยังยากที่จะรับประกัน เขาบอกกับ Ynet TV ว่า “เราต้องระวังให้มากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของประสบการณ์ของเราในช่วงสองปีที่ผ่านมา ซึ่งเราเห็นคนที่หายป่วย (จากโคโรนาไวรัส) ติดเชื้ออีกครั้ง”

Photo by DANIEL MUNOZ / AFP